
เรียนเศรษฐศาสตร์ จากเคส ดรามา เก็งกำไรบัตรคอนเสิร์ต | BrandCase
15 ธ.ค. 2025
-สองสามวันนี้ หลายคนน่าจะเห็นดรามา ซื้อบัตรคอนเสิร์ตมาเพื่อเก็งกำไรขายรีเซล
รายละเอียดสรุปสั้น ๆ คือ คุณ A และ คุณ B ลงทุนซื้อบัตรคอนเสิร์ตมา 327 ใบ ต้นทุนใบละ 2,600 บาท คิดเป็นต้นทุนรวม 850,200 บาท
โดยทั้งคู่คิดว่าจะเอามาขายเอากำไรใบละ 50-100 บาท แต่สุดท้ายขายไม่ออก ลดราคาลงเยอะมากก็ยังขายไม่ได้ สุดท้ายขาดทุนหลักหลายแสน..
หลาย ๆ บทความพูดถึงเรื่องความถูกผิดของเคสนี้กันไปเยอะแล้ว
แต่ BrandCase ขอเล่าอีกมุมที่นึกขึ้นมาได้จากเคสดรามาเรื่องนี้ แบบเนิร์ด ๆ ในมุมเศรษฐศาสตร์
1.วิเคราะห์เป้าหมายของคุณ A และคุณ B เป็นอัตรากำไร
ต้องการกำไรส่วนต่างใบละ 50-100 บาท ซึ่งถือว่ามีอัตรากำไรที่ค่อนข้างบาง เมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่ใช้ไป
โดยหากคิดว่าได้กำไรใบละ 100 บาท ก็จะได้กำไรเพียง 32,700 บาท คิดเป็นอัตรากำไรราว 3.8%
และถ้าขายเอากำไรต่อใบน้อยกว่านั้น ก็หมายความว่าอัตรากำไรก็ยิ่งน้อยกว่า 3.8% ลงไปอีก
2.บัตรคอนเสิร์ต เปรียบเหมือนกับ สินค้าเน่าเสียง่าย (Perishability)
ลองคิดภาพว่า ตั๋วคอนเสิร์ต เป็น "ไอศกรีม" ที่มีวันหมดอายุ มีวันละลายจนหมด
-ในวันที่ซื้อบัตร เปรียบเหมือน ไอศกรีมยังแข็ง สวย น่ากิน ที่มีมูลค่าเต็ม 2,600 บาท
-พอใกล้วันแสดง เปรียบเหมือน ไอศกรีมเริ่มละลาย คนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะซื้อดีไหม
-วันแสดง/หลังแสดง เปรียบเหมือน ไอศกรีมที่ละลายกลายเป็นน้ำหวานหกเลอะพื้น มูลค่ากลายเป็น 0 ทันที ขายไม่ได้แล้ว
เคสนี้ก็เปรียบเหมือนคุณ A และคุณ B ถือไอศกรีม 327 แท่ง ยืนตากแดด ยิ่งเวลาผ่านไป มูลค่าในมือเธอก็ระเหยไปตามเข็มนาฬิกา
3.กับดักอุปสงค์และอุปทาน (Supply & Demand Trap)
คุณ A คุณ B (รวมถึงแม่ค้าคนอื่น ๆ ที่ทำแบบนี้) พยายามสร้าง "ความขาดแคลนเทียม" (Artificial Scarcity) โดยการกวาดซื้อตั๋วตัดหน้าคนอื่น เพื่อให้คนอื่นไม่มีทางเลือกและต้องมาซื้อต่อจากเธอ โดยบอกว่าได้ข้อมูลว่าตั๋วปีนี้มีจำนวนน้อย
แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นคือ คอนเสิร์ตนี้อาจจะ "Over-supply" คือมีตั๋วเยอะไปจนล้นตลาด
หรือถ้ามองอีกมุมก็ "Low Demand" คือคนอยากดูคอนเสิร์ตนี้ น้อยกว่าที่คิด
สุดท้ายจากราคาหน้าตั๋วที่ 2,600 บาท พอถึงวันงานจริงบางคนปล่อยบัตรแค่ราคาใบละ 200 บาท ซึ่งถึงแม้จะปล่อยในราคานั้น ก็ยังขายไม่ออก บัตรเหลืออีกเพียบ
ประเด็นคือ คุณ A และคุณ B ถือตั๋วไว้ 327 ใบ ที่ยังเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ ก็สะท้อนอีกเรื่องว่า ทั้ง 2 คนกำลังเจอปัญหาสภาพคล่อง คือเปลี่ยนสินทรัพย์ (ตั๋วคอนเสิร์ต) เป็นเงินได้ยากมาก
4. ลองวิเคราะห์ว่า ทำไมลดราคาค่าบัตรเหลือ 200 บาท ก็ยังขายไม่ออก ?
ในทางเศรษฐศาสตร์ จะอธิบายได้ด้วยเรื่องต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) และทฤษฎีอรรถประโยชน์ (Utility)
-ต้นทุนแฝงอื่น ๆ และค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost)
คือคุณค่าที่ดีที่สุดของตัวเลือกที่เรายอมวางไว้ข้างหลัง ทุกครั้งที่เราตัดสินใจ เราไม่ได้จ่ายแค่เงิน แต่จ่ายด้วยโอกาสของทางเลือกที่คุ้มที่สุดที่เราไม่ได้เลือก
อย่างในกรณีนี้ถึงแม้จะเสียเงินแค่เพียง 200 บาท แต่มันก็ต้องแลกมาด้วย เวลาที่ใช้ ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายจิปาถะ
ทำให้รวม ๆ แล้วมีต้นทุนแฝงอีกเยอะนอกจากค่าตั๋ว
และคนอาจจะมองว่า เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
และเงิน 200 บาท ไม่ได้คุ้มกับโอกาสอื่น ๆ ที่ต้องเสียไปเลยด้วยซ้ำ..
Reference
Tag:เศรษฐศาสตร์