กรณีศึกษา โมเดลธุรกิจ ร้านทอง Laopu Gold ที่ได้ฉายาว่า “Hermès วงการทองคำ”

กรณีศึกษา โมเดลธุรกิจ ร้านทอง Laopu Gold ที่ได้ฉายาว่า “Hermès วงการทองคำ”

22 พ.ย. 2025
- ในประเทศจีนตอนนี้ มีเชนร้านทองแบรนด์หนึ่ง ที่ได้ฉายาว่า Hermès แห่งวงการทองคำ 
แบรนด์นั้นชื่อว่า “Laopu Gold”
แบรนด์นี้ ไม่ได้วางตัวเองเป็นร้านทองทั่วไป ที่โมเดลธุรกิจส่วนใหญ่จะเน้นทำกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขาย และค่ากำเหน็จจากการเอาทองมาขึ้นรูปเป็นแหวน สร้อย กำไล แบบทั่ว ๆ ไป
แต่ Laopu Gold วาง Branding และภาพลักษณ์ของตัวเอง เป็นผู้ออกแบบชิ้นงานศิลปะแบบจีนโบราณ จากทองคำ ที่นำเสนออย่างประณีต ทรงคุณค่า จนสร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล
เรื่องราวของร้านทอง Laopu Gold แบรนด์นี้ น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้ มาจากชาวจีน ชื่อว่า Xu Gaoming
เขาเริ่มต้นอาชีพในปี 1984 จากตำแหน่งข้าราชการในสำนักงานปศุสัตว์ ในมณฑลหูหนาน บ้านเกิดของเขา 
จนกระทั่งปี 1995 เขาเปลี่ยนเส้นทางเข้าสู่โลกธุรกิจ 
ด้วยการทำงานในบริษัทด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่ทำให้เขาเริ่มสนใจงานฝีมือ และธุรกิจเครื่องประดับ 
พอศึกษาและทำงานที่เกี่ยวข้องกับพวก งานฝีมือ และเครื่องประดับ มาพอสมควร บวกกับมีเงินสะสมมากพอ
ในปี 2004 เขาก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับชื่อว่า Golden Treasury ที่เน้นเอกลักษณ์งานฝีมือแบบจีนโบราณ
เขาค่อย ๆ ต่อยอดและขยายธุรกิจมาเรื่อย ๆ ก่อนจะต่อยอดแยกไลน์ธุรกิจ ที่เน้นเอาทองคำมาออกแบบเป็นชิ้นงานโดยเฉพาะ ในปี 2016 
เกิดเป็นแบรนด์ “Laopu Gold” หรือแปลว่า ร้านทองเก่า
Laopu Gold ถูกวางตำแหน่งในตลาด ว่าจะนำทองคำมาออกแบบเป็นชิ้นงานศิลปะที่ทรงคุณค่า เพื่อตอบโจทย์ตลาดลูกค้า High-End โดยเฉพาะ
แล้ว Laopu Gold ทำอย่างไร ถึงทำให้ทองคำ กลายเป็นงานศิลปะที่มูลค่ามากกว่าแค่ทองได้
1. การสื่อสารที่เน้น Storytelling  
Laopu Gold สื่อสารกับผู้บริโภคว่า ขายคุณค่าของงานฝีมือหัตถศิลป์โบราณ (Heritage Craftsmanship)
ทองแต่ละชิ้น คือชิ้นงานศิลปะแบบ จีนโบราณ ที่สืบเชื้อสายมาจากโรงช่างหลวงของราชวงศ์ชิง
ทำให้ สินค้าของ Laopu Gold เป็นมากกว่าการลงทุนธรรมดา แต่เป็นเหมือนวัตถุทางวัฒนธรรมและวัตถุที่บ่งบอกถึงสถานะความมั่งคั่ง
ทุกลวดลายก็แฝงด้วยความหมาย เช่น
- มังกร หมายถึง อำนาจ
- หงส์ หมายถึง ความงาม
- ดอกบัว หมายถึง ความบริสุทธิ์
ตัวอย่างเทคนิคที่ Laopu Gold เป็นผู้บุกเบิกและมีความเชี่ยวชาญ ก็อย่างเช่น เทคนิคการฝังเพชรบนทองคำแท้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นไปไม่ได้ เพราะทองแท้มีความอ่อน เสียหายได้ง่าย
หรืออย่าง เทคนิคการเคลือบ Enamel แบบดั้งเดิมบนทองบริสุทธิ์
ทำให้ผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นมีคุณค่า เรื่องราว และเอกลักษณ์เฉพาะตัว 
ทำให้ Laopu Gold วางตำแหน่งแบรนด์ในระดับลักชัวรี และสามารถกำหนดราคาสินค้า ที่สะท้อนมูลค่าแบรนด์ได้ ไม่ต่างอะไรกับแบรนด์หรูจากฝั่งยุโรป
ยิ่งไปกว่านั้น กระแส “กั๋วฉาว” หรือความภูมิใจในความเป็นจีน ที่กำลังมาแรงในหมู่คนรุ่นใหม่ ยิ่งช่วยผลักดันให้ Laopu Gold ได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก 
2. การตั้งราคาแบบ Fixed-Price Model 
โมเดลการตั้งราคาของ Laopu Gold จะแตกต่างจากร้านทองทั่วไป ที่ขายทองรูปพรรณตามการขึ้นลงของราคาทองคำ แล้วมีการบวกค่ากำเหน็จ หรือก็คือค่าฝีมือ การออกแบบ และผลิตทองรูปพรรณเข้าไป
แต่ Laopu Gold เลือกใช้ Fixed-Price Model คือ ราคาของทองคำแต่ละชิ้น “รวมทุกอย่าง” ทั้งตัวทอง ค่างานฝีมือ และมูลค่าของแบรนด์ 
เมื่อบวกด้วยภาพลักษณ์ความพรีเมียม ประณีต และเรื่องราวของลวดลายชิ้นงาน ทองคำของ Laopu Gold จึงถูกมองเป็นสินค้าแฟชั่นและงานศิลป์ มากกว่าจะเป็นทองสำหรับลงทุน
และทำให้ราคา Fixed-Price ตั้งได้ค่อนข้างสูง แต่ลูกค้าก็ยังเต็มใจจ่ายเพื่อให้ได้ครอบครอง
3. สไตล์การขยายหน้าร้าน และการเลือกโลเคชัน
ผู้นำตลาดเครื่องประดับและทองคำของจีน อย่างแบรนด์ Chow Tai Fook มีสาขามากกว่า 6,400 สาขา
ทั่วโลก 
หรือ Lao Feng Xiang ผู้ที่ใหญ่รองลงมา ก็มีสาขากว่า 4,000 สาขา
ส่วน Laopu Gold มีเพียง 48 สาขา เท่านั้น 
แต่ความน่าสนใจคือ ทั้ง 48 สาขานี้ไม่ได้ขยายแบบ Mass แต่ถูกคัดเลือกให้อยู่เฉพาะบนทำเลที่มีแทรฟฟิกสูง และเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังจ่ายสูง
เช่น 
- Marina Bay Sands แลนด์มาร์กสำคัญในสิงคโปร์ 
- Hong Kong IFC Mall ห้างหรูใจกลางฮ่องกง

นอกจากนี้ การออกแบบร้านที่ผสมความโมเดิร์นกับวัฒนธรรมจีนโบราณ
ทำให้กลายเป็นจุดถ่ายคอนเทนต์ ที่ลูกค้าชอบแชร์ลงโซเชียลมีเดีย จนช่วยดันภาพลักษณ์ให้พรีเมียมขึ้นไปอีก 
ทั้งหมดนี้ ทำให้ Laopu Gold ได้รับฉายาว่าเป็น “Hermès แห่งวงการทองคำ”
คือใส่ความประณีต ความพรีเมียม และเรื่องราว ลงไปในชิ้นงาน ในสินค้า จนสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก
สะท้อนออกมาในตัวเลข รายได้ กำไร ของบริษัท
ข้อมูลผลประกอบการ ช่วง 12 เดือนล่าสุดของ Laopu Gold อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ Stock Analysis 
- รายได้ 79,000 ล้านบาท
- กำไร 14,000 ล้านบาท
เห็นว่า Laopu Gold มีอัตรากำไรประมาณ 17.7% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับธุรกิจร้านทองทั่ว ๆ ไป
ด้วยโมเดลธุรกิจแบบนี้ คือเน้นใส่ ความประณีต ความเอกซ์คลูซิฟ เรื่องราว ให้กับสินค้า
ทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทองคำได้มาก 
Laopu Gold ก็เลยถูกเอาไปเปรียบเทียบกับแบรนด์หรูอย่าง Hermès ที่โดดเด่นในเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความประณีตให้สินค้า
และทำให้ Laopu Gold ได้รับฉายาว่า Hermès แห่งวงการทองคำ นั่นเอง ..
References
© 2025 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.