รวม 14 วิธีคิด แบบ Maguro Group สร้างธุรกิจร้านอาหาร 1,000 ล้าน

รวม 14 วิธีคิด แบบ Maguro Group สร้างธุรกิจร้านอาหาร 1,000 ล้าน

9 ต.ค. 2025
คุณป้อ-จักรกฤติ สายสมบูรณ์ CEO ของ Maguro Group เล่าไว้ในคลิปวิดีโอ “Maguro Group จากร้านอาหารญี่ปุ่น สู่อาณาจักรร้านอาหาร รายได้ 1,500 ล้าน” ในรายการ THE BRIEFCASE ของลงทุนแมน
BrandCase สรุปให้ 14 วิธีคิด สร้างธุรกิจร้านอาหาร รายได้ระดับ 1,000 ล้านบาท ในแบบ Maguro Group
คุณภาพและความคุ้มค่าเป็นหัวใจหลัก
สำหรับ Maguro Group มองว่าการมอบคุณค่าให้ลูกค้า ด้วยอาหารคุณภาพระดับพรีเมียม แต่ราคาที่เข้าถึงได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญ จึงพยายามทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า คุ้มค่าเกินราคา
ไม่เล่นเกมสงครามราคา
คุณป้อเชื่อว่า การลดราคามากเกินไป จะทำลายคุณค่าของแบรนด์ในระยะยาว จึงไม่ทำโปรโมชันบุฟเฟต์หรือราคาต่ำ แต่เน้นสร้างมูลค่าผ่านคุณภาพที่ดี
สร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่ง
Maguro Group มีคำว่า “ให้มากกว่าที่ขอ” เป็นแนวคิดหลักที่ฝังอยู่ในทุกระดับขององค์กร ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ใส่ใจในรายละเอียดและมีความตั้งใจจริง
วางตำแหน่งตลาด (Positioning) ให้ชัด
คุณป้อเลือกเจาะตลาด Premium Mass ที่ยังไม่มีผู้เล่นรายใหญ่ครองตลาดชัดเจน ด้วยอาหารญี่ปุ่นคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อสร้างจุดยืน “พรีเมียมแต่ไม่แพง” ให้แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
ขยายพอร์ตแบรนด์ในเครือ
เพื่อกระจายตลาดและสร้างการเติบโตในหลายเซกเมนต์อาหาร จากเดิมที่มีเพียงร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ MAGURO ปัจจุบัน Maguro Group มีแบรนด์ในเครือกว่า 7 แบรนด์
การสร้างแบรนด์ คือเรื่องสำคัญ
ให้มองตัวเองเป็น Brand Maker ที่เข้าใจ Pain Point ของผู้บริโภค เพื่อที่จะสามารถสร้างแบรนด์ใหม่ตอบโจทย์ได้ตรงจุด
แยกแฟชั่น ออกจาก เทรนด์ระยะยาว
ก่อนเข้าสู่เทรนด์อาหารใหม่ ๆ บริษัทจะใช้ข้อมูลจาก Social Listening และการมอนิเตอร์ตลาดอยู่เสมอเพื่อจะแยกแยะว่าอะไรคือ “แฟชั่นชั่วคราว” หรือ “เทรนด์ยั่งยืน”
เลือกโมเดลร้าน ที่สเกลได้จริง
ก่อนที่จะเปิดแบรนด์ใหม่ ทุก ๆ ครั้ง Maguro Group ต้องประเมินแล้วว่า แบรนด์เหล่านั้นต้องมีศักยภาพมากพอ ที่จะขยายอย่างน้อย 10 สาขาขึ้นไป เพื่อให้เกิดการเติบโตเชิงระบบ
บริหารต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีระบบ
ตั้งทีมจัดซื้อและซัปพลายเชน ไว้คอยติดตามราคาวัตถุดิบแบบเรียลไทม์ พร้อมใช้กลยุทธ์ “ล็อกราคาล่วงหน้า” เพื่อรับมือความผันผวนของราคาวัตถุดิบ อย่างเช่น ราคาแซลมอน ที่ค่อนข้างผันผวนมาก
กระจายความเสี่ยงด้านวัตถุดิบ
เดิมวัตถุดิบที่มีสัดส่วนต้นทุนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของ MAGURO คือแซลมอน แต่ปัจจุบัน มีการเพิ่มเมนูปลาหลากหลายชนิด และการขยายแบรนด์ในเครือมากขึ้น ทำให้สามารถลดการพึ่งพาวัตถุดิบ ประเภทแซลมอนลงได้อย่างมีนัยสำคัญ
วิธีรับมือภาวะตลาดซบเซา
เมื่อเผชิญกับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะกำลังซื้อที่ตกต่ำทั้งตลาด บริษัทจะหันมาโฟกัสกับการบริหารจัดการภายใน และสิ่งที่สามารถควบคุมได้
อย่างการพัฒนาพื้นฐานบริษัทอย่างต่อเนื่อง เช่น การปรับปรุงรสชาติ วัตถุดิบ การบริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพและทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าอาหารดีขึ้น
โฟกัสที่ Same Store Sales Growth (SSSG)
ในช่วงตลาดชะลอตัว บริษัทเน้นกระตุ้นยอดขายสาขาเดิม ผ่านการออกเมนูใหม่ เมนูตามฤดูกาล และแคมเปญการตลาดถี่ขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการกลับมาซื้อซ้ำ เพื่อรักษาการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม หรือ Same Store Sales Growth (SSSG)
ปรับองค์กรให้ทันสมัยอยู่เสมอ
เริ่มจากใช้เทคโนโลยีเข้ามาทำงานแทนคน และใช้ระบบมาจัดการหลังบ้านมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาจำนวนคน
โดยที่บริษัทจะไม่มีการเลย์ออฟพนักงาน เพียงแค่ชะลอการรับคนใหม่ เพื่อรับมือกับการชะลอตัวในการจับจ่ายใช้สอยและโครงสร้างในการบริหารจัดการแต่ละร้าน
ปรับใช้กลยุทธ์ ป่าล้อมเมือง (Outside-in Expansion)
เริ่มต้นจากการเปิดสาขารอบนอกกรุงเทพมหานคร เช่น บางนา และพระราม 3 ก่อนขยายเข้าสู่โซนใจกลางเมือง
โดยกลยุทธ์นี้นอกจากจะช่วยสร้างฐานลูกค้าคนไทยให้แข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้ Maguro Group ได้รับผลกระทบน้อยกว่าคู่แข่ง ที่พึ่งพาตลาดนักท่องเที่ยวในเมืองเป็นหลัก เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอีกด้วย
ปิดท้ายด้วยผลประกอบการของ Maguro Group ปี 2567 รายได้ 1,378 ล้านบาท กำไร 97 ล้านบาท
© 2025 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.