
วิธีสร้าง Branding แบบ Guss Damn Good ขายไอศกรีมปีละ 1,000,000 ถ้วย แบบไม่ต้องแข่งเรื่องราคา
19 มิ.ย. 2025
Guss Damn Good เป็นแบรนด์ไอศกรีมสัญชาติไทย ขายไอศกรีมเริ่มต้น 85 บาทต่อสกูป
เห็นราคาประมาณนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าแพง ขายดีหรือเปล่า
แต่ถ้าดูตัวเลขผลประกอบการปี 2567 ที่ผ่านมา รายได้รวม 96 ล้านบาท ก็น่าจะเป็นตัวเลขที่บอกได้ว่า ขายดีเลยทีเดียว
แต่ถ้าดูตัวเลขผลประกอบการปี 2567 ที่ผ่านมา รายได้รวม 96 ล้านบาท ก็น่าจะเป็นตัวเลขที่บอกได้ว่า ขายดีเลยทีเดียว
คุณนที จรัสสุริยงค์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง แบรนด์ Guss Damn Good เคยแชร์ว่าใน 1 วัน Guss Damn Good สามารถขายไอศกรีมได้ 2,000-2,500 ถ้วย
หรืออย่างในช่วงพีก ๆ ยอดขายอาจพุ่งไปถึง 3,000-3,500 ถ้วย
หรืออย่างในช่วงพีก ๆ ยอดขายอาจพุ่งไปถึง 3,000-3,500 ถ้วย
ซึ่งถ้านับรวมเป็น 1 ปี Guss Damn Good ก็น่าจะขายไอศกรีมได้ปีละราว ๆ 1,000,000 ถ้วย บวกลบไม่มากจากนี้
แล้ว Guss Damn Good ขายไอศกรีมอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ เป็นข้อ ๆ
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ เป็นข้อ ๆ
1. ให้ลูกค้าชิมจนกว่าลูกค้าจะชอบ
หนึ่งในวิธีการขายไอศกรีมของ Guss Damn Good คือการให้ลูกค้าชิมไอศกรีมจนกว่าลูกค้าจะชอบ
วิธีการขายแบบนี้ แบรนด์ Guss Damn Good เรียกมันว่า Boston Culture
วิธีการขายแบบนี้ แบรนด์ Guss Damn Good เรียกมันว่า Boston Culture
ซึ่งเกิดจากตอนที่คุณระริน ธรรมวัฒนะ และคุณนที จรัสสุริยงค์ ผู้ก่อตั้ง Guss Damn Good ได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ แล้วเห็นว่าร้านไอศกรีมที่โน่นให้ลูกค้าชิมไอศกรีมจนกว่าลูกค้าจะชอบ
โดยที่ลูกค้าสามารถชิมไอศกรีมได้โดยไม่ต้องรู้สึกเกรงใจร้าน ทั้งคู่เลยนำวิธีการขายแบบนี้มาใช้กับร้าน Guss Damn Good ของตัวเองด้วย
2. สร้างเรื่องราวให้กับทุกรสชาติ
หนึ่งในกิมมิกเด่น ๆ ของแบรนด์ Guss Damn Good ที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือน DNA ที่อยู่ในไอศกรีมทุกรสชาติคือ Story To Flavor เป็นการสร้างเรื่องราวดี ๆ รอบตัวให้กับไอศกรีมทุกรสชาติ
โดย Guss Damn Good จะไม่ได้มองว่าไอศกรีมเป็นแค่ขนมหวาน แต่คือเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์และอารมณ์ที่เฉพาะตัว
ซึ่งแบรนด์จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวผ่านรสชาติ การตั้งชื่อแต่ละรสชาติที่สะท้อนและเชื่อมโยงกับอารมณ์ความรู้สึก
ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ไอศกรีมไม่ได้เป็นแค่ของหวาน แต่เป็นตัวแทนความทรงจำ
ดังนั้น Process ในการออกรสชาติของ Guss Damn Good จะเป็นการเปลี่ยน Story (เรื่องราว) ให้เป็น Feeling (ความรู้สึกและอารมณ์) และเปลี่ยน Feeling ให้เป็น Flavour (รสชาติ)
ในส่วนของการตั้งชื่อแบรนด์ก็จะจับเอา Feeling (ความรู้สึกและอารมณ์) ของรสชาตินั้น ๆ มาสรุปและขมวดออกมาเป็นชื่อไอศกรีมอีกที
ซึ่งเป็นการสร้างความรู้สึกผูกพันและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ได้ซื้อแค่ไอศกรีม แต่กำลังซื้อประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
3. ทำให้สินค้า สื่อสารกับคนได้
นอกจากรสชาติแล้ว จะเห็นได้ว่าการทำตลาดของ Guss Damn Good จะเน้นไปที่การสร้างความรู้สึกและความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับผู้บริโภค
ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย การออกแบบแพ็กเกจจิง หรือการตั้งชื่อที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ในชีวิต
ยกตัวอย่างเช่น การเขียนชื่อรสชาติบนแพ็กเกจจิงด้วยลายมือ และใช้รูปพื้นหลังที่สื่อถึง Feeling (ความรู้สึกและอารมณ์) ของรสชาตินั้น ๆ
หรืออย่างรสชาติไหนที่มีความตื่นเต้นหรืออะไรที่มีความท้าทาย ก็จะเลือกใช้ลายเส้นที่ไม่นุ่มนวลและเลือกใช้สีฉูดฉาดหรือคู่สีที่มีความตัดกัน
วิธีนี้ทำให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกที่ไอศกรีมแต่ละรสต้องการสื่อได้ตั้งแต่แรกเห็น
และการสร้างอารมณ์ร่วมในรูปแบบนี้ทำให้ Guss Damn Good ไม่ได้เป็นเพียงไอศกรีม แต่กลายเป็นถ้วยไอศกรีมที่สะท้อนอารมณ์และเรื่องราว
ซึ่งช่วยให้แบรนด์เป็นที่จดจำและถูกพูดถึง ต่อยอดในโซเชียลมีเดียได้ไม่ยาก
4. มีวิธีดิไซน์และจัดรสชาติไอศกรีมให้ลูกค้าอร่อย
หากจะขายของกิน แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกแบรนด์ต้องนึกถึงคือเรื่องของ “รสชาติ”
และแบรนด์ Guss Damn Good เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่ต่างกับการสร้างแบรนด์เลย
และแบรนด์ Guss Damn Good เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่ต่างกับการสร้างแบรนด์เลย
โดยคุณระรินได้แชร์หนึ่งเรื่องที่ลูกค้าหลายคนอาจไม่รู้หรือไม่ได้สังเกตคือ การจัดเรียงรสชาติของไอศกรีมในถ้วย ซึ่งทางแบรนด์จะมีรสชาติต้องห้าม
เช่น รสชาติบางรสชาติต้องวางไว้ข้างบนเสมอ หรือการวางรสชาติไล่ระดับให้ลูกค้ากินก่อนหลังแล้วอร่อยทุกรส
ยกตัวอย่างเช่น สมมติลูกค้าซื้อไอศกรีม 3 รสชาติ คือ รสช็อกโกแลต (Here's Your Damn Good Chocolate) รสมินต์ช็อก (SECRET ADMIRER) และรส Don't Give Up#18
การจัดเรียงของร้านคือ รส Don't Give Up#18 จะต้องวางไว้ข้างบนเสมอ เพราะถ้าลูกค้ากินไอศกรีมรสชาติอื่นก่อนแล้วค่อยกินรส Don't Give Up#18 จะทำให้รสชาติไอศกรีมของ Don't Give Up#18 ไม่อร่อย
เพราะรสชาติอื่นอาจจะมีความเข้มข้นมากกว่า มีส่วนผสมที่หลากหลายกว่า รส Don't Give Up#18 ที่มีส่วนผสมแค่นมสดกับครีมฝรั่งเศส
ซึ่งทุกองค์ประกอบที่แบรนด์สร้างมา ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ ชื่อไอศกรีม การออกแบบแพ็กเกจจิง หรือการดิไซน์รสชาติไอศกรีมให้ลูกค้า ล้วนเชื่อมโยงเป็นเรื่องราวเดียวกันกลายเป็นคอนเซปต์และ DNA ที่ชัดเจนของแบรนด์ Guss Damn Good