
กรณีศึกษา ธนพิริยะ ค้าปลีกรายได้ 2,800 ล้าน อยู่แค่ใน เชียงราย พะเยา เชียงใหม่
2 ต.ค. 2025
ถ้าพูดถึงธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่มีชื่อเสียง โดยทั่วไปแล้วหลายคนอาจนึกถึง 7-Eleven, โลตัส, บิ๊กซี, ท็อปส์
แต่รู้ไหมว่า ในเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา มีอีกแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เป็นที่นิยม นั่นก็คือ “ธนพิริยะ”
ธนพิริยะ มีจุดเริ่มต้นมาจากร้านค้าแผงลอย แต่วันนี้กลายเป็นค้าปลีกยอดขายปีละกว่า 2,000 ล้านบาท
เรื่องราวของ ธนพิริยะ น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นของธนพิริยะ เริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2508
ครอบครัวพุฒิพิริยะ ได้ก่อตั้งร้านขายของชำแผงลอยในเทศบาลเชียงรายโดยใช้ชื่อว่า “โง้วทองชัย”
ครอบครัวพุฒิพิริยะ ได้ก่อตั้งร้านขายของชำแผงลอยในเทศบาลเชียงรายโดยใช้ชื่อว่า “โง้วทองชัย”
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจครอบครัวนี้ มาจาก คุณธวัชชัย พุฒิพิริยะ
คุณธวัชชัย เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของครอบครัว ที่เห็นการทำธุรกิจค้าขายมาตั้งแต่ยังเด็ก
คุณธวัชชัย เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของครอบครัว ที่เห็นการทำธุรกิจค้าขายมาตั้งแต่ยังเด็ก
ต่อมา คุณธวัชชัย มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ และสังเกตเห็นว่าในช่วงนั้น เริ่มมีธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสมัยใหม่เข้ามาเปิดสาขาในไทย เช่น 7-Eleven และห้างค้าส่งแม็คโคร
ซึ่งทั้ง 2 บริษัทเริ่มเปิดสาขาแรกในช่วงปี พ.ศ. 2531-2532
เรื่องนี้ทำให้ คุณธวัชชัย คิดว่า ในอนาคตธุรกิจลักษณะนี้จะต้องเป็นที่นิยมในต่างจังหวัดด้วยอย่างแน่นอน
และที่สำคัญคือ ช่วงนั้นธุรกิจค้าปลีกในต่างจังหวัด ยังไม่ค่อยมีรายใหญ่เจาะตลาดมากนัก เพราะฉะนั้นถ้ารีบเริ่มทำธุรกิจลักษณะนี้ในเชียงรายบ้านเกิดของตนเอง ก็คงมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูง
เมื่อคุณธวัชชัย ศึกษาจบ ก็ได้แต่งงานกับ คุณอมร พุฒิพิริยะ และทั้งคู่ก็เริ่มต้นธุรกิจร้านค้าในจังหวัดเชียงราย
โดยในช่วงแรก ทั้งคู่เริ่มจากการเปิดร้านค้าส่งก่อน เพราะต้องการเน้นการขายในปริมาณมาก ก่อนที่จะเริ่มมาทำธุรกิจค้าปลีกเพื่อให้สามารถสร้างกำไรได้มากขึ้น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ทั้งคู่ได้เริ่มปรับปรุงร้านค้าและตกแต่งร้านให้ดูทันสมัย และเปลี่ยนมาใช้ชื่อ “พิริยะซุปเปอร์”
พิริยะมินิมาร์ท เริ่มเติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเชียงราย และเริ่มขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น
จนในปี พ.ศ. 2558 ก็ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ด้วยชื่อว่า “บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน)”
จนในปี พ.ศ. 2558 ก็ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ด้วยชื่อว่า “บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน)”
ปัจจุบัน ธุรกิจของธนพิริยะประกอบไปด้วยธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีสาขารวมกันทั้งสิ้น 50 สาขา แบ่งออกเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต 49 สาขา และศูนย์ค้าส่ง 1 สาขา
ที่น่าสนใจคือ สาขาของธนพิริยะ ตั้งอยู่ในจังหวัดเพียง 3 จังหวัดในภาคเหนือเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดเชียงราย 39 สาขา จังหวัดพะเยา 7 สาขา และจังหวัดเชียงใหม่ 4 สาขา
จุดเด่นของธนพิริยะ เช่น
- ถึงจะมีความเป็นร้านสะดวกซื้อ แต่ก็ขายในราคาย่อมเยาเหมือนซื้อในร้านค้าโมเดิร์นเทรด
- มีความเข้าใจวิถีของคนในพื้นที่ว่าชอบซื้ออาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้จากตลาดสด แต่ก็มีความต้องการที่จะซื้อสินค้าอุปโภคอื่น ๆ ในร้านค้าที่สะอาดและทันสมัยด้วย
- มีหมวดสินค้าให้เลือกกว่า 15,000 รายการ พร้อมจัดวางสินค้าอย่างสวยงาม มีความสะดวกในการเลือกซื้อและง่ายในการค้นหา
- มีขายทั้งแบบราคาปลีกและส่งในทุกสาขาเพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นแบบปลีก แบบเป็นแพ็ก แบบเป็นกล่อง และแบบเป็นลังให้ลูกค้าเลือกสรรได้ตามความต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นแบบปลีก แบบเป็นแพ็ก แบบเป็นกล่อง และแบบเป็นลังให้ลูกค้าเลือกสรรได้ตามความต้องการ
- เลือกทำเลที่ตั้งร้านค้าให้ง่ายต่อการเดินทาง ทำให้ลูกค้าประหยัดเวลาและสะดวกในการเดินทาง
ผลประกอบการของ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน)
ปี 2565 รายได้ 2,449 ล้านบาท กำไร 149 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 2,633 ล้านบาท กำไร 156 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 2,893 ล้านบาท กำไร 186 ล้านบาท
ครึ่งแรกปี 2568 รายได้ 1,473 ล้านบาท กำไร 101 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 2,633 ล้านบาท กำไร 156 ล้านบาท
ปี 2567 รายได้ 2,893 ล้านบาท กำไร 186 ล้านบาท
ครึ่งแรกปี 2568 รายได้ 1,473 ล้านบาท กำไร 101 ล้านบาท
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ ธนพิริยะ
จากร้านค้าท้องถิ่น ที่เริ่มจากร้านค้าแผงลอยในเชียงราย
วันนี้กลายเป็นค้าปลีกเจ้าสำคัญใน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ที่สร้างยอดขาย ปีละกว่า 2,000 ล้านบาท
วันนี้กลายเป็นค้าปลีกเจ้าสำคัญใน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ที่สร้างยอดขาย ปีละกว่า 2,000 ล้านบาท