
กรณีศึกษา Hisense บริษัททีวีจีน ที่ครองตลาดญี่ปุ่น ชนะเจ้าถิ่น Sony และ Panasonic
24 ธ.ค. 2025
-เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตลาดทีวีในญี่ปุ่นมีแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Sharp, Sony และ Panasonic ครองตลาดอยู่ราว 90%
แต่รู้ไหมว่า ภาพของตลาดทีวีในญี่ปุ่นตอนนี้ เปลี่ยนไปเยอะมาก
โดยข้อมูลปี 2024 ที่ผ่านมา
บริษัท Hisense มีส่วนแบ่งตลาดทีวีในประเทศญี่ปุ่นราว 41%
ชนะแบรนด์เจ้าบ้านอย่าง
Sony ที่มีส่วนแบ่งตลาด 9.6%
Panasonic ที่มีส่วนแบ่งตลาด 8.8%
และถ้ามองภาพใหญ่ Hisense ยังเป็นบริษัททีวี ที่ครองส่วนแบ่งยอดขายในตลาดโลก มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกมาแล้ว 3 ปีติด ในช่วงปี 2022-2024
Hisense มีเรื่องราวน่าสนใจอย่างไร ? มีกลยุทธ์ธุรกิจแบบไหน ให้ชนะแบรนด์เจ้าถิ่นในญี่ปุ่นได้ในวันนี้
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
Hisense เริ่มต้นจากโรงงานผลิตวิทยุเล็ก ๆ ในปี 1969 ที่เมืองชิงเต่า ในจีนแผ่นดินใหญ่
จนกระทั่งในปี 1979 บริษัทก็ควบรวมกับธุรกิจท้องถิ่น เพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอกับการผลิตทีวีภายใต้ชื่อ Qingdao General Television Factory (ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Hisense ในเวลาต่อมา)
จนกระทั่งในปี 1979 บริษัทก็ควบรวมกับธุรกิจท้องถิ่น เพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอกับการผลิตทีวีภายใต้ชื่อ Qingdao General Television Factory (ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Hisense ในเวลาต่อมา)
ตอนนั้นบริษัทผลิตทีวีเพื่อขายให้คนจีน ที่ส่วนใหญ่ยังไม่มีใช้ในตอนนั้น
ซึ่งในตอนเริ่มต้น จีนยังขาดประสบการณ์กับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น และเรียกว่าตามหลังญี่ปุ่นในเรื่องอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อยู่หลายก้าว
ไทม์ไลน์แบบคร่าว ๆ เพื่อให้เห็นภาพ เช่น
ปี 1960 บริษัท Sharp เปิดตัวทีวีสีเครื่องแรกของญี่ปุ่น ในราคา 500,000 เยน หรือประมาณ 100,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าราคาสูงมาก ๆ ในสมัยนั้น
แต่ก็มีคนบางกลุ่มยอมซื้อ เพราะหลายคนมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย
ต่อมาในปี 1968 บริษัท Sony เปิดตัว Trinitron ทีวีที่คมชัดที่สุดที่โลกเคยเห็นในเวลานั้น และขายได้กว่า 280 ล้านเครื่อง ทั่วโลก
ในตอนนั้นทีวีรวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่แปะป้าย Made in Japan นำโด่งไปไกล
ในขณะที่ Hisense เพิ่งเริ่มผลิตทีวีเมื่อปี 1979
องค์ความรู้ต่าง ๆ ยังตามหลังแบรนด์ญี่ปุ่นอยู่เยอะมาก
Hisense ในตอนนั้นใช้วิธี Reverse Engineering คือเอาทีวีญี่ปุ่น มารื้อ ๆ ถอด ๆ เพื่อศึกษาว่าแบรนด์ญี่ปุ่น ทำทีวีอย่างไร ชิ้นส่วนไหนสำคัญ และชิ้นไหนไม่จำเป็น
โดยเป้าหมายของบริษัทตอนแรก ๆ นั้น คือการผลิตทีวีที่ใช้งานได้ดีและทุกคนจับต้องได้ โดยเฉพาะชนชั้นแรงงานในจีน
ทำให้ Hisense โฟกัสไปที่เรื่อง ราคาและความคุ้มค่า เป็นอย่างแรก เพราะรู้ดีว่ายังไม่สามารถแข่งกับแบรนด์ญี่ปุ่นได้ ในตลาดพรีเมียม
พอแบรนด์เริ่มติดตลาดในประเทศจีน Hisense เริ่มขยายธุรกิจไปในตลาดต่างประเทศ ในปี 1993
โดยเลือกโฟกัสที่ทวีปแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังซื้อของคนยังไม่สูง
ทำให้ DNA ราคาถูก คุณภาพโอเค ของ Hisense ถูกจริตตลาดนี้มาก ๆ
Hisense ใช้ช่องว่างในตลาดตรงนี้ในการสร้างการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
และมาจนถึงทุกวันนี้ Hisense ก็ยังครองอันดับ 1 ในทวีปแอฟริกาใต้ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 30%
ยิ่งเวลาผ่านไป เทคโนโลยีก็พัฒนาเร็วขึ้น ทำให้คุณภาพทีวีของ Hisense พัฒนาขึ้นมาเทียบเท่าแบรนด์ญี่ปุ่นรวมถึงแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด แต่ยังคงคอนเซปต์ ราคาคุ้มค่า เอาไว้เป็น DNA
พอเริ่มตัวใหญ่ Hisense ก็เริ่มทำอีกกลยุทธ์ที่หลายบริษัทจีนชอบทำกัน คือซื้อกิจการบริษัทคู่แข่ง มาเป็นของตัวเอง
รวมถึง “แบรนด์ญี่ปุ่น” ที่เคยเป็นคู่แข่งคนสำคัญ ที่พักหลัง ๆ เริ่มหมดยุคทอง และมีปัญหาด้านการเงิน
ในปี 2017 Hisense ซื้อหุ้น 95% ธุรกิจทีวีของ Toshiba
ทำให้ Hisense ได้สิทธิ์ในการใช้ชื่อแบรนด์ ได้มาซึ่งโรงงาน พนักงาน และช่องทางการขายในตลาดญี่ปุ่นได้ทันที
ซึ่ง Toshiba คือแบรนด์ทีวีที่ขายดีอันดับต้น ๆ ในญี่ปุ่น
และค่อย ๆ ใช้แบรนด์ Hisense ทำตลาดในญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
จากเดิมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ในปี 2015 ตอนนั้นตลาดทีวีในญี่ปุ่น ถูกครองโดยแบรนด์ญี่ปุ่นเองราว 90%
มาวันนี้กลายเป็น Hisense ครองส่วนแบ่งตลาดทีวีในญี่ปุ่นราว 41%
ซึ่งต้องบอกว่าใน 41% นี้ รวมส่วนแบ่งราว 24% จากแบรนด์ Toshiba ที่ตอนนี้อยู่ภายใต้ Hisense ด้วย
ส่วนแบรนด์อื่นในตลาดทีวีญี่ปุ่น
Sharp มีส่วนแบ่งตลาด 20.6%
Sony มีส่วนแบ่งตลาด 9.6%
Panasonic มีส่วนแบ่งตลาด 8.8%
ซึ่งตรงนี้ต้องหมายเหตุอีกว่า จริง ๆ แล้วแบรนด์ทีวี Sharp ที่เดิมทีเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ตอนนี้ไปอยู่ภายใต้บริษัทไต้หวันอย่าง Foxconn แล้ว
โดย Foxconn ซื้อหุ้น 66% ในบริษัท Sharp เมื่อปี 2016
สำหรับกลยุทธ์การตลาดของ Hisense
ที่เด่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา คือการทุ่มเงินมหาศาลไปกับการตลาด ผ่านการแข่งกีฬาระดับโลก
เช่น
- พาร์ตเนอร์การแข่งขันฟุตบอล UEFA Women's EURO 2022™
- สปอนเซอร์หลักของ FIFA World Cup Qatar 2022™
- พาร์ตเนอร์การแข่งขันฟุตบอล UEFA EURO 2024™
ทำให้ Hisense มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น คนจำนวนมากเห็นและจดจำแบรนด์ได้ กลายเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกรู้จัก
เมื่อปี 2024 บริษัท Hisense ขายทีวีได้ทั่วโลก 29 ล้านเครื่อง
ครองส่วนแบ่งตลาดทีวีทั้งโลกราว 14% เป็นอันดับ 2 รองแค่ Samsung เท่านั้น
และมาทุกวันนี้ Hisense เริ่มมาเน้นทีวีโมเดลพรีเมียมอย่าง Laser TV มากขึ้น
โดยในครึ่งแรกของปี 2025 ข้อมูลจาก Omdia บอกว่า Hisense ครองส่วนแบ่งเกือบ 70% ของตลาดกลุ่มนี้
และทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของแบรนด์ทีวีจีน Hisense
จากผู้ท้าชิงตัวเล็ก ๆ ในตลาด
มาวันนี้ พลิกมาอยู่แนวหน้าในตลาดโลก
และแซงคู่แข่งคนสำคัญ อย่างแบรนด์ญี่ปุ่นหลาย ๆ แบรนด์ไปแล้ว..
References
Tag:Hisense