ทำไมไอคอนสยาม ถึงติด Top 3 โครงการที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ในรอบ 30 ปี

ถ้าพูดถึงโครงการเมกะโปรเจกต์ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของประเทศไทย โดยเฉพาะในย่านฝั่งธนบุรี เชื่อว่าชื่อของศูนย์การค้าอย่าง ไอคอนสยาม น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนนึกถึง

ผ่านมา 7 ปีนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2561 ไอคอนสยามได้สร้างปรากฏการณ์มากมายให้กับประเทศไทย และกลายเป็น Destination ที่คนทั่วโลกต้องปักหมุดมา

โดยนอกจากจะสร้างชื่อเสียงมากมายให้กับประเทศไทยแล้ว ไอคอนสยาม ยังเป็นอีกหนึ่งโครงการศูนย์การค้าของไทย ที่เป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลก และคว้ารางวัลจากเวทีใหญ่มามากมาย

ล่าสุด ไอคอนสยามก็ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยอีกครั้ง จากการเข้ารอบติดอันดับ 1 ใน 3 ของโครงการที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบ 30 ปี จากเวทีดังด้านอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีกอย่าง เวที MAPIC Awards 2025

ซึ่งเวทีนี้เรียกได้ว่าเป็น เหมือนกับเวทีออสการ์ ในวงการอสังหาริมทรัพย์เลยทีเดียว

แล้ว ไอคอนสยาม ทำอย่างไร ถึงได้ติด Top 3 โครงการทรงอิทธิพลระดับโลกนี้ได้
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ

ต้องบอกว่า MAPIC Awards นั้นเป็นเวทีระดับโลกในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ในแต่ละปีนั้นจะมีผู้เข้าร่วม กว่า 4,000 คนจากกว่า 75 ประเทศทั่วโลก

โดยสำหรับในปีนี้จะเป็นปีที่ทาง MAPIC ครบรอบ 30 ปีพอดี จึงได้มีการเพิ่มรางวัลพิเศษขึ้นมาอีกหนึ่งรางวัล ก็คือรางวัลโครงการที่ทรงอิทธิพลระดับโลกในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

โดยรางวัลนี้มีโครงการชื่อดังมากมายกว่า 15 โครงการทั่วโลกมาเข้าร่วมการแข่งขัน
ตัวอย่างโครงการดัง ๆ ที่เราอาจจะคุ้นเคยกัน ก็เช่น
- Dubai Mall จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- Marina Bay Sands จากสิงคโปร์
รวมถึงโครงการไอคอนสยามจากประเทศไทยด้วย

ซึ่งไอคอนสยามนั้นก็ได้เดินทางเข้ารอบมาจนติดรอบ 3 ทีมสุดท้าย โดยเคียงคู่กับอีก 2 โครงการระดับโลกอย่าง Puerto Venecia จากประเทศสเปน และ Westfield London จากสหราชอาณาจักร

ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือกผู้เข้ารอบนั้นก็จะดูจาก
- วิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนมุมมองของอุตสาหกรรม
- การออกแบบสถาปัตยกรรมที่แปลกใหม่และเป็นนวัตกรรม
- แนวคิดผสมผสานการค้าปลีก ศิลปะ และวัฒนธรรม
- ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และเมืองโดยรอบ
- การสร้างแรงบันดาลใจและการมีอิทธิพลต่อวงการค้าปลีกโลก

ถ้าดูจากเกณฑ์ที่ให้มาเหล่านี้ก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้วว่าโครงการอย่างไอคอนสยามนั้น เรียกได้ว่าเข้าเกณฑ์ในทุก ๆ ข้อ โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ไอคอนสยามได้ดำเนินรอยตามวิสัยทัศน์ ดังนี้คือ

1. วางแนวคิดเป็นผู้ปฏิวัติวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รีเทล

ด้วยแนวคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในการสร้างพื้นที่ค้าปลีกที่ผสานอัตลักษณ์ไทย ศิลปะ วัฒนธรรม นวัตกรรม เข้าไว้กับ Retail & Entertainment ระดับโลกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

เช่น มีการนำงานหัตถกรรมท้องถิ่นจากทั่วประเทศไทยมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งศูนย์การค้า
หรือการใช้ลวดลายจิตรกรรมจากบรรพบุรุษที่ตกทอดมานับ 1,000 ปี มาใส่ในดีเทลสถาปัตยกรรมของศูนย์การค้าด้วย

2. ใช้ ICONSIAM Model ในการพัฒนาเมือง ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เพื่อการเชื่อมต่อทางคมนาคมทางเรือ รถ และรางอย่างสมบูรณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่โดยรอบ และเสริมสร้างเศรษฐกิจให้แก่ธุรกิจทั้งปวงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและโดยรอบ

โดยหลังจากที่ไอคอนสยามเปิดตัว ก็กระตุ้นให้เกิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่กว่า 60 โครงการ ภายในรัศมี 1 กิโลเมตร และสร้างมูลค่าที่ดินย่านเจริญนครเพิ่มขึ้น จาก 250,000 บาท เป็น 700,000 บาทต่อตารางวา

3. พลังแห่งความร่วมมือทุกภาคส่วน

มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน ชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs
อย่างโครงการนี้ ได้มีผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่าง ๆ จาก 15 ชาติ ใน 4 ทวีปทั่วโลก มามีส่วนร่วมให้โครงการนี้เกิดขึ้นมา

และเป็นพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยกว่า 35,000 ครอบครัว และดิไซเนอร์ไทยกว่า 800-1,000 ราย
สร้างงานมากกว่า 400,000 อัตรา

4. เติบโตพร้อมชุมชนและสังคม

มุ่งสร้างคุณค่าร่วม มากกว่าการแสวงหาผลกำไร สนับสนุนผู้ประกอบการไทยและ SMEs จากทั่วประเทศ ให้เติบโตจาก Local to Global เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ต่อยอดภูมิปัญญาไทยสู่เวทีโลก

ซึ่งทั้งหมดนี้เองก็เป็นแนวคิดในการสร้างศูนย์การค้าของเครือสยามพิวรรธน์
ที่ทำให้ไอคอนสยามนั้นเป็นมากกว่าแค่ศูนย์การค้า แต่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยจริง ๆ

และก็เป็นที่มาว่าทำไมศูนย์การค้าอย่างไอคอนสยาม ถึงติดอันดับ Top 3 โครงการที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมานั่นเอง..