วิธีขาย ชุดนอน ให้มีรายได้ 100 ล้าน ไอเดียธุรกิจน่าสนใจ จากแบรนด์ Sliptosleep

วิธีขาย ชุดนอน ให้มีรายได้ 100 ล้าน ไอเดียธุรกิจน่าสนใจ จากแบรนด์ Sliptosleep

12 ต.ค. 2025
-“ชุดนอนธรรมดา ๆ ก็ขายได้ 100 ล้านบาท ถ้าเรารู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และกล้าที่จะทำให้มันแตกต่างจากคนอื่น” - คุณอิ้ว-วรรณิต บุญเจริญทวีสุข ผู้ก่อตั้ง Sliptosleep
Sliptosleep คือแบรนด์ชุดนอนของคนไทย ที่เติบโตเร็วมาก
โดยใช้วิธีสื่อสารจุดเด่นชัด ๆ เลย คือเป็นชุดนอน “No Bra” หรือก็คือชุดนอนที่ผู้หญิงสามารถใส่ได้โดยไม่ต้องสวมชั้นใน
ปีล่าสุดสามารถทำยอดขายทะลุ 100 ล้านบาทต่อปี และขายชุดนอนได้เฉลี่ยกว่า 100,000 ชิ้นต่อปี
คุณอิ้ว ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เล่าเรื่องราวการทำธุรกิจนี้ไว้ในรายการ DAY BUILD ของลงทุนแมน 
ว่าทำอย่างไรถึงเปลี่ยนสินค้าธรรมดาอย่างชุดนอน ให้กลายเป็นสินค้าที่แตกต่าง จนสร้างรายได้หลัก 100 ล้านบาท

BrandCase สรุปเทคนิคและวิธีคิดมาให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
1. ทำสินค้าให้แตกต่าง แก้ Pain Point ที่คนอื่นไม่เคยทำ
จุดขายหลักของ Sliptosleep คือแนวคิด No Bra หรือก็คือชุดนอนที่ผู้หญิงสามารถใส่ได้โดยไม่ต้องสวมชั้นใน
โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการสังเกตปัญหาเล็ก ๆ ที่ผู้หญิงหลายคนเจอเหมือนกัน เช่น ความไม่มั่นใจเมื่อต้องใส่ชุดนอนออกไปรับพัสดุหรือเจอไรเดอร์หน้าบ้าน
จาก Pain Point นี้ แบรนด์จึงออกแบบกระเป๋าเสริมที่เย็บอยู่ในชุดนอนทุกตัว เพื่อช่วยให้ใส่ได้อย่างมั่นใจและสบายขึ้น 
และพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี ทั้งเพิ่มขนาดกระเป๋าให้รองรับสรีระที่หลากหลาย และเพิ่มความหนาจาก 3 ชั้นเป็น 5 ชั้นในรุ่นผ้าบาง
นอกจากนี้แบรนด์ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพและดิไซน์ โดยใช้ผ้าคอตตอน 100% และออกแบบลาย สี และแพตเทิร์นเองทั้งหมด 
ทำให้ชุดนอนของ Sliptosleep ไม่ซ้ำกับสินค้าในตลาด และค่อย ๆ สร้างภาพจำที่แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งหมดนี้ทำให้ Sliptosleep ไม่ได้เป็นแค่ชุดนอน แต่เป็นสินค้าที่แก้ปัญหาให้กับลูกค้าผู้หญิงได้จริง และทำให้แบรนด์มี Unique Selling Point ที่ผู้บริโภคจดจำได้ทันที
2. ทำธุรกิจแบบ Learning by Doing
คุณอิ้ว เล่าว่า ตัวเองไม่ได้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจมาก่อน แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้เร็ว คือการทำธุรกิจแบบ Learning by Doing 
“ลงมือทำก่อน แล้วเรียนรู้ระหว่างทาง” หากวิธีไหนไม่เวิร์กก็รีบปรับทันที วิธีคิดนี้ช่วยให้แบรนด์เข้าใจตลาดและพัฒนาได้เร็วขึ้น
อีกจุดแข็งสำคัญคือ การฟังลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะผ่านพนักงานหน้าร้าน ทีมออนไลน์ หรือแบบสอบถาม
จากฟีดแบ็กที่เข้ามาผ่านหน้าร้านและออนไลน์ แบรนด์จึงขยายสินค้าให้ตอบโจทย์มากขึ้น เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกชุดนอนที่เหมาะกับตัวเองได้ ทั้งแบบแขนสั้น แขนยาว ชุดเดรส ไซซ์เล็ก หรือชุดเด็ก
เช่น โพสต์เฟซบุ๊ก ให้ลูกค้ามาคอมเมนต์บอกเลยว่า อยากให้แบรนด์ทำอะไรอีก หรือโพสต์ชุดให้เลือก 2 แบบ ชอบแบบไหน สีไหนมากกว่ากัน
พอฟังลูกค้าเยอะ ๆ Sliptosleep จึงไม่ใช่แค่เอามาคิดไอเดียเพื่อพัฒนาสินค้าให้ขายดีขึ้น 
แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ลึกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
3. ใช้ความเป็นไทย สร้างจุดขายในตลาดโลก
เมื่อเริ่มมีลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจ Sliptosleep ก็ไม่ลังเลที่จะปรับตัว เพื่อขยายตลาดไปสู่ระดับโลก 
แต่แทนที่จะละทิ้งความเป็นไทย แบรนด์กลับเลือกใช้เอกลักษณ์ความเป็นไทย เป็นจุดแข็งในการออกแบบคอลเลกชันใหม่ ๆ 
เช่น Baby Chang หนึ่งในคอลเลกชันที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวต่างชาติ ที่สอดแทรกรายละเอียดของการละเล่นพื้นบ้านไทย เช่น ช้างเล่นว่าว หรือม้าก้านกล้วย 
ซึ่งลายเส้นเหล่านี้ไม่เพียงแค่สะท้อนเสน่ห์แบบไทย ๆ แต่ยังกลายเป็นจุดเชื่อมโยงที่ทำให้ชาวต่างชาติได้เข้าถึงวัฒนธรรมไทยมากขึ้น
นอกจากนี้ แบรนด์ยังร่วมมือกับนักออกแบบชาวไทย เช่น คอลเลกชัน Doggy และ Cream Pup ที่ออกแบบร่วมกับคุณปลายฟ้า จาก Plaifah.postcard ซึ่งช่วยเพิ่มความน่ารักและเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้แบรนด์
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ว่าจุดขายหลักของ Sliptosleep อย่าง ชุดนอนแบบ No Bra จะดูเหมือนตอบโจทย์วัฒนธรรมของผู้หญิงเอเชีย 
แต่กลับกลายเป็นว่าในตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกาก็ให้การตอบรับที่ดีไม่แพ้กัน 
4. ขยายตลาดด้วยการเลือกโลเคชัน อย่างมีกลยุทธ์
แม้ Sliptosleep จะเริ่มต้นจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แต่เมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ แบรนด์จึงเริ่มขยายสู่หน้าร้านออฟไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถสัมผัสสินค้าได้จริง
ดังนั้น 2 สาขาแรกของ Sliptosleep จึงเลือกทำเลที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อย่าง สยามพารากอน และ เซ็นทรัลเวิลด์ 
เพราะเชื่อว่าทำเลที่ดีจะช่วยให้ลูกค้าต่างชาติได้เห็นแบรนด์ แม้จะไม่รู้จักมาก่อน แต่เมื่อได้สัมผัสคุณภาพของเนื้อผ้าและดิไซน์ ก็มักจะตัดสินใจซื้อทันที
อีกตัวอย่างที่น่าสนใจคือ มีลูกค้าชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่งที่แวะมาซื้อสินค้าจากหน้าร้านบ่อยครั้ง ถึงขั้นตัดสินใจนำสินค้ากลับไปขายต่อในประเทศของตนเอง 
กลายเป็นผู้ค้าพรีออร์เดอร์ที่ช่วยขยายฐานลูกค้าให้กับแบรนด์โดยตรงโดยไม่ต้องใช้โฆษณาเลยด้วยซ้ำ
อีกหนึ่งรายละเอียดที่สะท้อนความใส่ใจของแบรนด์ คือการเตรียมความพร้อมของทีมงานหน้าร้านให้สามารถสื่อสารได้หลายภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ จีน และเขมร 
เพื่อให้บริการลูกค้าต่างชาติได้อย่างราบรื่นและสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
ทำให้ปัจจุบัน Sliptosleep มีจำหน่ายแล้วในหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย 
ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่า ความสำเร็จของ Sliptosleep มาจากการทำสินค้าให้แตกต่าง 
ไม่ใช่แค่ขายชุดนอนธรรมดา ๆ แต่เป็นสินค้าที่ช่วยแก้ Pain Point ที่ลูกค้ามี และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากฟีดแบ็กจริง
และเมื่อสินค้าดี มี Unique Selling Point ที่ชัดเจน ลูกค้าที่ชอบจะช่วยบอกต่อให้เอง
Reference
- วิดีโอ “Sliptosleep ทำชุดนอนอย่างไร ให้ขายได้ปีละ 100,000 ชุด┃DAY BUILD EP.24” จากช่อง YouTube ลงทุนแมน
© 2025 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.