กรณีศึกษา Red Bull เครื่องจักรทำเงิน ของตระกูล อยู่วิทยา

กรณีศึกษา Red Bull เครื่องจักรทำเงิน ของตระกูล อยู่วิทยา

8 ส.ค. 2023
กรณีศึกษา Red Bull เครื่องจักรทำเงิน ของตระกูล อยู่วิทยา | BrandCase
Red Bull คือแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก มียอดขายปีที่แล้ว 357,000 ล้านบาท จากการขายเครื่องดื่มใน 175 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งรู้ไหมว่ารายได้ระดับนี้ เยอะกว่ารายได้ของ CRC บริษัทค้าปลีกของเครือเซ็นทรัลเสียอีก
ซึ่งหนึ่งในเจ้าของรายใหญ่ของ Red Bull ก็คือตระกูลนักธุรกิจชาวไทย อย่างตระกูลอยู่วิทยา
แล้วเรื่องราวนี้น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
ในปี 1976 นั้น คุณเฉลียว อยู่วิทยา ได้เริ่มสร้างแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลัง “กระทิงแดง” ขึ้นมา
และต่อมา กระทิงแดง ได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มคนขับรถบรรทุกและผู้ใช้แรงงาน
ต่อมาในปี 1982 นักธุรกิจชาวออสเตรีย ชื่อว่า คุณดีทริช เมเทสซิทซ์ ได้เดินทางมาประเทศไทย
และด้วยความที่เขาเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน ทำให้เขาเกิดอาการ Jet Lag
ซึ่งอาการ Jet Lag ก็คือความผิดปกติทางการนอน ที่เกิดขึ้นชั่วคราวจากการเดินทางบินข้ามเขตเวลาโลกแล้วร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลาแตกต่างกันได้
แต่เมื่อเขาได้ลองดื่ม กระทิงแดง ผลปรากฏว่าได้ช่วยให้อาการดีขึ้น และรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
กลายเป็นว่าทำไปทำมา ด้วยความหัวนักธุรกิจ
คุณดีทริชไปหาทางคุยกับคุณเฉลียว เจ้าของกระทิงแดงจนได้ และบอกว่าเขาสามารถต่อยอดกระทิงแดง ไปเป็นแบรนด์ระดับโลกได้
หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ร่วมก่อตั้ง Red Bull GmbH ขึ้นในปี 1984 โดยการร่วมลงทุนกับคุณเฉลียว คนละ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถือหุ้นคนละ 49%
ขณะที่หุ้นส่วนที่เหลืออีก 2% ถือโดย คุณเฉลิม อยู่วิทยา ลูกชายของ คุณเฉลียว อยู่วิทยา
โดยที่คุณดีทริช รับหน้าที่เป็นผู้บริหารกิจการด้วยตนเอง
ซึ่งเขาได้ทำการศึกษาตลาดและวิเคราะห์ลูกค้า รวมถึงมีการวางตำแหน่งทางการตลาดของ Red Bull
และทำภาพลักษณ์ของ Red Bull เป็นสินค้าราคาพรีเมียม เน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มคนรุ่นใหม่
จน Red Bull ได้เปิดตัวที่ประเทศออสเตรียเป็นครั้งแรกในปี 1987 และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางแห่งความสำเร็จของแบรนด์ Red Bull นับแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้นไม่นาน Red Bull ได้ขยายเข้าไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกา
โดยในช่วงแรกที่เข้าไปนั้น Red Bull สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในสหรัฐอเมริกา ได้มากถึง 75%
ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดสำคัญที่ทำให้ Red Bull เติบโตและเป็นที่รู้จักอย่างมากก็คือ การเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับกีฬาประเภท Extreme หรือ กีฬาผาดโผน
ซึ่งเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็สร้างความสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ ให้กับทั้งผู้เล่นและผู้ชมในเวลาเดียวกัน
รวมถึงเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลชื่อดังในต่างประเทศหลายแห่ง เช่น แอร์เบ ไลพ์ซิช ในเยอรมนี และสโมสรฟุตบอล เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค
ปัจจุบัน Red Bull GmbH มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 คน ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ร่วมก่อตั้งทั้งคู่ คือ
-คุณเฉลิม อยู่วิทยา จำนวน 51%
-คุณมาร์ก เมเทสซิทซ์ จำนวน 49%
แล้วสถิติที่น่าสนใจของ Red Bull GmbH ในปี 2022 ที่ผ่านมา มีอะไรบ้าง ?
-รายได้รวม 357,000 ล้านบาท
-ขายใน 175 ประเทศทั่วโลก
-ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 25% ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทั้งโลก
-จำหน่ายไปแล้วกว่า 100,000 ล้านกระป๋อง นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มา
และปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ปัจจุบัน คุณมาร์ก เมเทสซิทซ์ ลูกชายของคุณดีทริช ถูกจัดให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในออสเตรีย โดยมีทรัพย์สินสูงถึง 1,200,000 ล้านบาท
ส่วนคุณเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว ก็มีทรัพย์สินสูงถึง 1,200,000 ล้านบาท เช่นเดียวกัน
ซึ่งทำให้คุณเฉลิม นั้นถูกจัดให้เป็น หนึ่งในบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไทย..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.