วิเคราะห์จุดแข็ง CENTRAL PATTANA เบอร์ 1 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

วิเคราะห์จุดแข็ง CENTRAL PATTANA เบอร์ 1 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

27 ก.ค. 2023
ถ้าให้บอกชื่อศูนย์การค้าดัง ๆ ในไทย 
คงเป็นไปไม่ได้ ที่จะไม่พูดชื่อศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลพัฒนา
ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ไปจนถึงเซ็นทรัลตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศไทยอย่างเซ็นทรัล ภูเก็ต, พัทยา, เชียงใหม่, โคราช 
ความเป็นเบอร์ 1 ในด้านธุรกิจศูนย์การค้าของเซ็นทรัลพัฒนา ได้รับรางวัลการันตีมาอย่างต่อเนื่อง 
ล่าสุดได้รับรางวัล บริษัทที่น่าเชื่อถือที่สุดในกลุ่มศูนย์การค้า ของปี 2022-2023 จาก BrandAge และเป็นบริษัทที่ได้รับรางวัลความยั่งยืนระดับโลกจาก DJSI World ถึง 9 ปีซ้อน 
และยังเป็นที่ยอมรับว่ามีการบริหารองค์กรที่โดดเด่น นำโดย CEO “วัลยา จิราธิวัฒน์” ผู้ซึ่งได้รับรางวัลทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ 
ล่าสุดกับรางวัล Thailand Top CEO of The Year 2023 สุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี จัดโดยนิตยสาร Business+ ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
ถือเป็นการตอกย้ำ เซ็นทรัลพัฒนาในการเป็นเบอร์หนึ่งอสังหาฯ ไทย ด้วยวิสัยทัศน์และ Ecosystem ที่แข็งแกร่ง อย่างแท้จริง
จากศูนย์การค้าอันดับ 1 สู่การเป็น The Ecosystem for All ระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์
อย่างที่เกริ่นไปว่า CENTRAL PATTANA ไม่ได้มีแค่ธุรกิจศูนย์การค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีธุรกิจอื่นในมือด้วย 
โดยโครงการใหม่ ๆ จะมีทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน ไว้ในพื้นที่เดียวกัน หรือที่เราเรียกกันว่า “โครงการมิกซ์ยูส”
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ธุรกิจเหล่านี้พอมารวมกัน จะเกิดเป็นระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์ ที่ส่งเสริมกันและกันได้หมด
มีแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2023-2027) กว่า 135,000 ล้านบาท ครอบคลุม 30 เมือง ในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน 
โดยจะทำให้จำนวนโครงการมิกซ์ยูส เพิ่มขึ้นจาก 18 โครงการในปี 2023 เป็น 25 โครงการในปี 2027 
และยังมีแผนระยะยาว 5-10 ปี สร้างโครงการมิกซ์ยูสระดับ Mega Projects รวม 5 โครงการ 
เพื่อยกมาตรฐานให้กรุงเทพมหานคร เทียบเท่ามหานครระดับโลกอย่างนิวยอร์ก, โตเกียว หรือโซล 
โดย Mega Project แรกที่จะเปิดคือ Dusit Central Park ซึ่งร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานี ที่จะทยอยเปิดตัวเฟสต่าง ๆ ในปี 2024-2025 
และอีก 4 โครงการ จะมีพื้นที่รวมกว่า 350,000 ตารางเมตร เงินลงทุนโครงการละกว่า 20,000 ล้านบาท
ซึ่งจะเห็นได้ว่า CENTRAL PATTANA สามารถดึงเอาความเป็นผู้เชี่ยวชาญของทั้งตัวเอง 
รวมถึงธุรกิจส่วนอื่นในเครือ และพันธมิตรผู้เช่า มาผนึกกำลังช่วยกันทำให้ระบบนิเวศนี้แข็งแกร่งขึ้นได้เรื่อย ๆ เหมือนเป็นการสร้าง Ecosystem แห่งการ “รวมกันเราอยู่” 
ตัวอย่างเช่น The 1 Biz ซึ่งเป็น Business Intelligence Solution ที่อาศัย Big data ฐานข้อมูลของลูกค้า The 1 ที่ใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งของไทย กว่า 20 ล้านคน มาสร้างโซลูชันที่เป็นประโยชน์กับร้านค้าในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนา
แล้วจุดแข็งอื่น ๆ ของ CENTRAL PATTANA ยังมีอะไรบ้าง ? 
BrandCase ชวนทุกคน มาลองวิเคราะห์กัน..
1. มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง พร้อมแผนต่อยอดให้เติบโตกว่าเดิม
ถ้านึกถึงศูนย์การค้าในไทย ก็ต้องนึกถึงชื่อ “เซ็นทรัล” เป็นอันดับแรก ๆ นี่ก็คือสิ่งที่สะท้อนความแข็งแกร่งของแบรนด์และการเป็นผู้นำตลาดอย่างยาวนาน
ตัวอย่างแผนขยายธุรกิจในช่วงนี้ ก็เช่น
- เตรียมเปิด เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ด้วยงบลงทุน 6,200 ล้านบาท เพื่อดึงศักยภาพย่านราชพฤกษ์ ให้คึกคักกว่าเดิม
- เตรียมเปิด เซ็นทรัล นครสวรรค์ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ด้วยงบลงทุน 5,800 ล้านบาท และเซ็นทรัล นครปฐม ไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ด้วยงบลงทุน 8,200 ล้านบาท
โดยทั้ง 2 โครงการนี้ เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ยกระดับศักยภาพของภูมิภาค เชื่อมต่อโซนภาคเหนือ และขยายสู่ภาคตะวันตกของประเทศ
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทำให้ทุกที่มีแทรฟฟิกที่ดีตลอด ตั้งแต่วันเปิดให้บริการ 
และยังต่อยอดศูนย์การค้าเดิมที่แทรฟฟิกดีต่อเนื่องให้ดีขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ยังไม่เคยมีที่ไหนปิดให้บริการมาก่อนเลย 
เช่น ต่อขยายเซ็นทรัล เวสต์เกต ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการขยายพื้นที่ค้าขายเพิ่ม เพิ่มอาคารจอดรถ และปรับปรุงหลายส่วนให้ดีขึ้นกว่าเดิม
เซ็นทรัล พัทยา ก็มีแผนรีโนเวตศูนย์การค้า เพิ่มโซนให้ตอบโจทย์การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยเฉพาะโซนสินค้าแบรนด์เนม
2. ศักยภาพในการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจ ตามย่านและจังหวัดต่าง ๆ
เวลามีศูนย์การค้าใหญ่ ๆ ไปลงในพื้นที่ไหน แน่นอนว่าจะทำให้พื้นที่นั้น มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและด้านอื่น ๆ เพิ่มขึ้นไปอีก
โดยถ้ามองในแง่ตัวเลขของการสร้างงาน ตั้งเป้า 5 ปีข้างหน้า จะผลักดันการจ้างงานในระบบนิเวศรวมกว่า 100,000 ตำแหน่ง 
ซึ่งทางบริษัทก็บอกว่า จะเป็นการเสริม “Local Wealth” หรือเพิ่มความมั่งคั่งให้ท้องถิ่น หรือพื้นที่นั้น ๆ
นอกจากนั้น ยังมีวิธีดึงเอาศักยภาพด้านเศรษฐกิจของคนในพื้นที่ออกมาอีก โดยการเปิดพื้นที่ทั้งในและหน้าศูนย์การค้าทั่วประเทศ ให้เกษตรกร หรือ SMEs ทั่วประเทศ มาขายสินค้า
ซึ่งทาง CENTRAL PATTANA บอกว่า กิจกรรมแบบนี้ ตีเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ราว ๆ 300 ล้านบาทต่อปี เลยทีเดียว
3. ศักยภาพในการเป็นแลนด์มาร์กเดสติเนชันระดับโลก 
ท่ามกลางโครงการที่ปักหมุดทำเลศักยภาพ และยกระดับเศรษฐกิจของเมืองต่าง ๆ แล้ว เซ็นทรัลพัฒนา ยังเป็น Global Player ที่ปั้นโครงการระดับโลกให้กับประเทศไทย ได้แก่
centralwOrld - The Lifestyle Global Landmark ใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่มีทั้งแบรนด์ดังระดับโลกซึ่งถ้าเลือกมาทำตลาดในประเทศไทยก็มักจะเลือกมาเปิดที่นี่เป็นที่แรก และหลาย ๆ แบรนด์ก็ยังขยายไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลอื่น ๆ ทั่วประเทศด้วย 
ซึ่งต้องยอมรับว่างานอิเวนต์ระดับโลกหลาย ๆ งานเกิดขึ้นที่นี่ และลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ยังมีจอยักษ์ The PanOramix @centralwOrld เป็นแมกเน็ตสำคัญอีกด้วย
Central Phuket - The World-Class Luxury Flagship ถ้าอยากช็อปแบรนด์เนมหรูนอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว ก็มีที่นี่เป็น flagship destination ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่พลาด เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ลักชัวรีในเมืองท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลกของไทย 
นอกจากนี้ยังมี world-class attraction อย่าง AQUARIA Phuket อควาเรียมโมเดลใหม่ครั้งแรกและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อม ‘Su Va Na’ ร้านอาหารใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Central Village - Thailand’s First Luxury Outlet Mall ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ด้วยแบรนด์เนมชั้นนำกว่า 300 แบรนด์ 
ซึ่งที่ผ่านมาหลายแบรนด์ทำยอด Impressive Sales ต่อเนื่อง และยังมีจุดแข็งของการทำ Live Streaming พร้อมสร้าง Festive Vibes ตลอดทั้งปี และเตรียมฉลองความสำเร็จครบรอบ 4 ปี ปลายปีนี้ด้วย
4. แลนด์มาร์กในเทศกาลสำคัญ ของคนทั้งโลก
ศูนย์การค้าของ CENTRAL PATTANA คือแลนด์มาร์กของเทศกาลสำคัญ ๆ ของทั้งคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น
- เทศกาลคริสต์มาส ที่หลายคนจะต้องไปถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสยักษ์ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลต่าง ๆ 
โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ ที่จัดพื้นที่แบบจัดเต็มให้เทศกาลนี้ทุกปี
- งาน “centralwOrld Bangkok CountdOwn 2023” ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ทุกปี ทำให้เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นภาพจำของ Times square of Asia แลนด์มาร์กเคานต์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
- หรืองาน Thailand’s Songkran Festival ที่จัดตามศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ก็มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานกว่า 8,000,000 คน ตลอดระยะเวลา 4 วัน 
ซึ่งข่าวและภาพการจัดงาน ก็ได้รับการเผยแพร่ไปกว่า 8,000 สื่อ ทั่วโลก 
และล่าสุดกับงานฉลองเทศกาล Pride month ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี เพื่อฉลองความเท่าเทียม (Equality) และความหลากหลายทางเพศ (Genderless) ของกลุ่ม LGBTQIAN+ ทั่วโลก 
โดยปีนี้จะขยายการจัดงานไปทั่วประเทศ ดันให้ประเทศไทย เป็น World Pride 2028 
และตอกย้ำการเป็นผู้นำในด้านการเป็นแลนด์มาร์กแห่งเทศกาลระดับโลก หรือ Festive Landmark Destination ที่ดีที่สุดทุกเทศกาล 
จากจุดแข็ง 4 ข้อที่ว่ามานี้ เราเห็นอะไร ?
ที่เราเห็นก็คือ CENTRAL PATTANA รู้ดีว่า ตัวเองมีดีตรงที่มีแบรนด์ในเครือที่แข็งแกร่งมาก อย่างเช่นศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่ใครได้ยินชื่อก็รู้จัก 
นอกจากนั้นยังมีระบบนิเวศที่ครบถ้วน สมบูรณ์ ซึ่งเป็นเหมือนอีกสปริงบอร์ดสำคัญ ให้ CENTRAL PATTANA สร้างการเติบโตไปได้อีก แบบก้าวกระโดด
ที่น่าสนใจก็คือ CENTRAL PATTANA ไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่มีแผนเอาความแข็งแกร่งที่ตัวเองมี มาต่อยอดไปเรื่อย ๆ
เช่น การขยายสาขาใหม่ ๆ ไปในพื้นที่ใหม่ ๆ ซึ่งก็จะสร้างการเติบโตให้ทั้ง CENTRAL PATTANA และคนอื่น ๆ รอบตัว
ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า, ธุรกิจ SMEs, พื้นที่นั้น ๆ และจังหวัดนั้น ๆ 
รวมถึงการดันให้ตัวเองเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในทุกเทศกาล สร้างภาพจำให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยไปในตัว
ซึ่งต้องบอกว่า มีเพียงไม่กี่คน หรือไม่กี่บริษัท ที่จะทำแบบนี้ได้
ทั้งหมดนี้รวมกัน ก็กลายเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับประเทศไปด้วยในตัว
และก็เป็นตัวการันตีว่า CENTRAL PATTANA คือ “เบอร์ 1” ในธุรกิจอสังหาฯ และศูนย์การค้าของไทย..
Reference
-เอกสารประชาสัมพันธ์ CENTRAL PATTANA
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.