กรณีศึกษา ทำไม Mistine ประสบความสำเร็จในจีน

กรณีศึกษา ทำไม Mistine ประสบความสำเร็จในจีน

3 พ.ค. 2022
กรณีศึกษา ทำไม Mistine ประสบความสำเร็จในจีน | BrandCase
“มิสทิน มาแล้วค่ะ” สโลแกนคุ้นหูที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ยินกันมานาน
ซึ่งวันนี้แบรนด์เครื่องสำอาง Mistine ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยเท่านั้น แต่โด่งดังไปไกลถึงประเทศจีนอีกด้วย
แล้ว Mistine ทำอย่างไร ให้ชาวจีนยอมรับ ?
BrandCase จะสรุปให้ฟัง
Mistine ก่อตั้งขึ้นในปี 2531 โดยคุณอมรเทพ ดีโรจนวงศ์
โดยในยุคแรกของ Mistine นั้น ยังเป็นเพียงธุรกิจเล็ก ๆ ที่มีสำนักงานเป็นเพียงอาคารพาณิชย์ 3 คูหา มีพนักงานไม่ถึง 10 คน สินค้าไม่ถึง 100 รายการ
ต้องบอกว่าในสมัยก่อนนั้น เครื่องสำอางในประเทศไทย มักมีราคาแพงและส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ดังนั้น โจทย์ของคุณอมรเทพคือ การขายเครื่องสำอางในราคาที่ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่เข้าถึงได้
โจทย์นี้มาพร้อมกับกลยุทธ์ การขายเครื่องสำอางแบบเน้นการขายตรง ประกอบกับการออกสโลแกนที่อมตะของคุณอมรเทพ ที่ว่า “นิ้ง..หน่อง มิสทินมาแล้วค่ะ”
ซึ่งแม้จะเป็นเพียงสโลแกนสั้น ๆ ง่าย ๆ แต่กลับทำให้ผู้หญิงไทยจำนวนมากในประเทศนั้นได้รู้จัก Mistine
หลังจากนั้น บริษัทก็ต่อยอดการสร้างแบรนด์ ด้วยการนำดาราหญิงชั้นนำของประเทศ มาเป็นพรีเซนเตอร์ สื่อสารแบรนด์ผ่านความสวย ด้วยเครื่องสำอางของ Mistine
และนับจากนั้นก็ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางรายนี้ ได้ก้าวมาอยู่ในวงการเครื่องสำอาง ระดับแนวหน้าของประเทศ ในระยะเวลาไม่นาน
แต่นอกจากจะเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมามากกว่า 3 ทศวรรษแล้ว Mistine ยังส่งสินค้าไปขายยังตลาดต่างประเทศอีกหลายประเทศ
และ “ประเทศจีน” ก็เป็นหนึ่งในประเทศ ที่ Mistine เข้าไปทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ
Mistine เข้าไปทำตลาดในประเทศจีนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2559 ผ่านการร่วมทุนกับพันธมิตรของจีน ร่วมกันจัดตั้งบริษัท “Better Way Shenzhen”
การแข่งขันในธุรกิจเครื่องสำอาง ในประเทศจีนถือว่า เข้มข้นไม่น้อย
เพราะนอกจากจะต้องแข่งกับแบรนด์ท้องถิ่นแล้ว ตลาดเครื่องสำอางในประเทศจีน ยังมีแบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์ที่เข้ามาทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น L'Oréal Paris, Lancôme และ Estée Lauder
ซึ่งกลยุทธ์ที่ Mistine นำมาใช้ จนเป็นที่รู้จักในตลาดจีนมีหลายอย่าง เช่น
- มีสินค้าที่วางขายอย่างหลากหลาย ในทุกช่องทาง
สินค้าของ Mistine ที่ประเทศจีนนั้น มีการวางขายผ่านช่องทางออนไลน์ชื่อดัง เช่น Tmall, Douyin (TikTok เวอร์ชันจีน), JD
รวมทั้งขายผ่านช่องทางออฟไลน์ อย่างร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven, FamilyMart เพื่อช่วยให้สินค้าของ Mistine สามารถเข้าถึงลูกค้าชาวจีนในวงกว้าง
นอกจากนี้ การขายผ่านช่องทางออนไลน์นั้น Mistine จะมีการเก็บ Data ร่วมกับบริษัทอีคอมเมิร์ซในประเทศจีนทุกแพลตฟอร์ม เพื่อสามารถทำโปรโมชันให้โดนใจลูกค้าชาวจีนได้
- มีการวิจัยและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
Mistine ให้ความสำคัญมาก กับการทำวิจัยสินค้าให้เข้ากับสภาพผิวของผู้หญิงชาวเอเชีย เพื่อปรับสูตรเครื่องสำอางให้เหมาะสมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
เช่น มีการพัฒนาสินค้า เลือกโทนสี ให้เข้ากับความชอบของชาวจีน รวมไปถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย พร้อมทั้งขายในราคาที่เหมาะสม ที่ชาวจีนส่วนใหญ่เข้าถึงได้
- การคงคุณภาพสินค้าให้ดีอยู่เสมอ
ก่อนที่ Mistine จะบุกตลาดในประเทศจีนนั้น แบรนด์ของบริษัทก็เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าชาวจีนมาพอสมควร
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางมายังประเทศไทย เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านั้น มักจะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากญาติ ๆ และเพื่อนฝูงชาวจีนอยู่แล้ว
ดังนั้น การคงคุณภาพสินค้าให้ดีอยู่เสมอ จึงทำให้สินค้าของ Mistine ถูกบอกต่อกันในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนนั่นเอง
นอกจากที่ว่ามา ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีก
ไม่ว่าจะเป็นการได้พันธมิตรทางธุรกิจของจีน ที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และ อุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต มาร่วมลงทุน
ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็ทำให้การไปบุกตลาดในประเทศจีน ของ Mistine เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ เลยทีเดียว..
References:
-https://www.mistine.co.th/history.php
-https://www.statista.com/topics/1897/cosmetics-in-china/
-https://www.bangkokpost.com/business/1904830/better-way-adds-touches-to-mistines-china-strategy
-https://www.salika.co/2022/04/24/success-case-of-mistine-in-china/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tmall
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.