อธิบาย 4 คำศัพท์ธุรกิจ จากสไลด์ นโยบาย SME ของ คุณศุภจี

วันนี้มีงานประชุมแถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า ทางเพจไม่ได้เชียร์พรรคการเมืองนี้ หรือพรรคการเมืองไหน
แต่เปิดดู Live นี้แล้วก็เจอเรื่องน่าสนใจในมุมธุรกิจ

คือคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีการพูดถึงคำศัพท์ธุรกิจที่น่าสนใจ 4 คำ ในสไลด์นโยบายสนับสนุน SME

คือคำว่า
-Asset Light
-Franchise
-GI
-IP

4 คำนี้ หมายความว่าอะไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ

1. Asset Light = โมเดลธุรกิจที่เน้นทำตัวให้เบา

คือการที่ธุรกิจพยายามลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่น ที่ดิน เครื่องจักร

แล้วเปลี่ยนมาลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน ซึ่งใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่า คล่องตัวกว่า และโฟกัสไปที่ไอเดียการสร้างระบบการบริหารให้มีมาตรฐาน

เช่น
-ธุรกิจขายสินค้า อาจลดการลงทุนในการสร้างโรงงานใหม่ แต่จ้างโรงงานอื่นมาเป็นผู้ผลิตสินค้าให้

-ธุรกิจอาหาร อาจลดการลงทุนในการเปิดสาขาใหม่เอง แต่ขายแฟรนไชส์ให้ผู้ที่สนใจมาลงทุนเปิดสาขาแทน

จุดเด่นของโมเดล Asset Light แบบนี้ คือธุรกิจสามารถขยายได้ โดยไม่ต้องใช้เงินทุนมหาศาล

ส่วนข้อควรระวัง คือต้องมีการควบคุม ให้สาขาหรือธุรกิจในภาพรวม มีมาตรฐานที่ดีเหมือน ๆ กัน

2. Franchise

คือโมเดลธุรกิจที่เจ้าของไม่ต้องลงทุนขยายเอง แต่เน้นไปที่การขายสิทธิ์ในแบรนด์ ให้ผู้อื่นนำไปใช้ตามตกลง

ลักษณะของธุรกิจโมเดลนี้ จะมี 2 ตัวละครหลัก ๆ คือ

-ผู้ให้สิทธิ์ (Franchisor) = ผู้ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ เจ้าของระบบและขั้นตอนการดำเนินงานต่าง ๆ

-ผู้ซื้อสิทธิ์ (Franchisee) = ผู้ที่มาขอสิทธิ์ใช้ชื่อแบรนด์ ระบบ และสูตรการดำเนินงาน โดยผู้ลงทุนต้องจ่ายค่าแฟรนไชส์ตามตกลง และปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด

ตัวอย่างของธุรกิจที่ใช้โมเดลนี้ เช่น ชายสี่, ไอศกรีม MIXUE, Café Amazon, ชาพะยอม

3. GI (Geographical Indication) = สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์

เป็นเครื่องหมายที่ใช้รับรองว่าสินค้ามีคุณภาพ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะที่มาจากแหล่งผลิตในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เจาะจง

พูดง่าย ๆ คือ ของดีประจำถิ่น ที่มีที่มาเฉพาะพื้นที่นั้น ๆ
เช่น ในไทยก็มี ทุเรียนนนท์, ไข่เค็มไชยา, ส้มโอนครชัยศรี

หรือ ถ้าเปรียบเทียบกับต่างประเทศก็เช่น แชมเปญ ไวน์มีฟองที่ผลิตในแคว้นช็องปาญ (Champagne) ของประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น

ซึ่งถ้าสามารถจดทะเบียนขึ้นเป็น สินค้า GI ได้ ก็จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเหล่านั้นได้อีกมาก

4. IP (Intellectual Property) = ทรัพย์สินทางปัญญา

เช่น สิ่งประดิษฐ์ งานวรรณกรรม ศิลปะ การออกแบบ สัญลักษณ์ทางการค้า เพื่อให้ผู้สร้างสรรค์มีสิทธิในการควบคุมและได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากผลงานนั้น ๆ

โดยผ่านการคุ้มครองทางกฎหมาย เช่น สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายการค้า

ตัวอย่าง IP ที่พูดถึงกันมาก เช่น คาแรกเตอร์ตัวละครที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นสินค้า คอนเทนต์ หรือขายลิขสิทธิ์เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว

ตัวอย่างเช่น Molly ที่เป็น IP คาแรกเตอร์ที่สร้างโดยศิลปินไทย ที่ได้ร่วมงานกับ POP MART และต่อยอดเป็นสินค้ากล่องสุ่มหลายคอลเลกชัน

จุดเด่นที่น่าสนใจของการเป็นเจ้าของ IP คือช่วยสร้างรายได้จากการขายสินค้าและลิขสิทธิ์ โดยไม่จำกัดอยู่แค่ผลงานศิลปะชิ้นเดียว แล้วก็จบไป..

Reference
https://www.facebook.com/bhumjaithaiparty/videos/1198506488375918/