
สรุปดีเทล สเวนเซ่นส์ Flagship Store สาขาเชียงใหม่ ทำเมนูพิเศษ “ขันโตก ซันเด”
20 ส.ค. 2025
- สเวนเซ่นส์ เปิดตัว Regional Flagship Store สาขาใหม่ล่าสุด ที่ META MALL เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นสาขาที่ 7 ในรูปแบบนี้ และเป็นสาขาที่ 2 ของภาคเหนือ
สาขานี้ได้รับการออกแบบพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ร่มบ่อสร้าง” หนึ่งในสัญลักษณ์ของชาวเชียงใหม่
- BrandCase ได้ฟัง คุณณพล ศิริมงคลเกษม หัวหน้าฝ่ายบริหารแบรนด์ บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พูดให้ข้อมูลเกี่ยวกับโมเดล Regional Flagship Store ของ สเวนเซ่นส์
ดีเทลเป็นอย่างไร BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
1. สาขานี้มีดีเทลอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?
- เมนูเอกซ์คลูซิฟ “ขันโตก ซันเด เซต” ราคา 179 บาท เมนูพิเศษเฉพาะที่สาขา META MALL เชียงใหม่เท่านั้น เสิร์ฟมาในรูปแบบขันโตกสไตล์พื้นเมือง ประกอบด้วย ไอศกรีมกะทิสด 3 ลูก, ข้าวเหนียวใบเตยหอม, แคบหมูเคลือบช็อกโกแลต, ไวท์ครีมซอสสูตรพิเศษ
- บัตรสมาชิกลายพิเศษ ที่ร่วมออกแบบกับศิลปินชาวไทย Jeep Kongdechakul ซึ่งจะมีจำหน่ายเฉพาะสาขา META MALL เท่านั้น และมีจำนวนจำกัด
- จุดเด่นของการออกแบบ Regional Flagship Store สาขาเชียงใหม่ ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ร่มบ่อสร้าง” จากสันกำแพง ซึ่งเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็น OTOP เอกลักษณ์ประจำอำเภอ
โครงสร้างภายนอกของร้านออกแบบให้มีรูปร่างคล้ายร่มบ่อสร้าง ลายเพนต์บนร่มนำมาประยุกต์ตกแต่งไฟในร้าน การตกแต่งภายในด้วยลวดลาย สีสัน และองค์ประกอบที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะท้องถิ่น เพื่อถ่ายทอดความเป็นล้านนาให้ดูทันสมัยและอบอุ่น
2. สเวนเซ่นส์ มองว่า เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ และเป็นจังหวัดที่มีสาขาของสเวนเซ่นส์มากกว่า 10 สาขาอยู่แล้ว แสดงให้เห็นถึงฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง
ผู้บริหารมองว่าแม้ตลาดคาเฟจะมีการแข่งขันสูง แต่การสร้าง Regional Flagship Store จะช่วยสร้าง Branding Halo Effect ที่ทำให้แบรนด์ถูกพูดถึงและไม่ได้เป็นแค่ร้านไอศกรีมทั่วไป
แต่เป็นสถานที่ที่ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าจดจำ ซึ่งเป็นการสร้างจุดหมายปลายทาง (Destination) ให้กับสเวนเซ่นส์ในแต่ละจังหวัด
3. กลยุทธ์การสร้าง Regional Flagship Store ของสเวนเซ่นส์ คือการตามหาสิ่งที่ท้องถิ่นภูมิใจ หรือมีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเอาเรื่องราวในท้องถิ่นนั้น ๆ มาแกะออกมาเป็น Core Concept ทั้งรูปแบบร้าน และเมนูของร้าน
โดยเบื้องหลังการทำงานจะมีการลงดีเทลที่ใช้เวลานานกว่าร้านสาขาปกติทั่วไป โดยเฉลี่ยใช้เวลา 1 ปี ในการออกแบบ ขึ้นโครงสร้าง การออกแบบภายใน เพื่อให้สาขานั้น ๆ ยูนีกมาก ๆ
4. Regional Flagship Store จะมียอดขายเฉลี่ยที่โตกว่าสาขาปกติ แม้ว่า Spending per Bill (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อใบเสร็จ) จะเท่ากันที่ประมาณ 300 กว่าบาท แต่ต่างกันที่ประสบการณ์ของลูกค้า
โดยที่การทำ Regional Flagship Store จะไม่ได้ไปแย่งลูกค้าจากสาขาเดิม แต่ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าในพื้นที่ ซึ่งมีผลให้แบรนด์ถูกพูดถึงในกลุ่มลูกค้า
5. สเวนเซ่นส์มีแผนการขยาย Regional Flagship Store เฉลี่ย 1 สาขาต่อปี โดยเลือกตั้งตามหัวเมืองใหญ่ที่มีสาขาปกติอยู่แล้ว 5-10 สาขา และต้องเป็นโลเคชันที่โดดเด่น มองเห็นแล้วรับรู้ได้ทันทีว่าตรงนี้แหละ ที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อความเป็น Local กับการสร้างประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้า
6. ปัจจุบัน สเวนเซ่นส์ มี Regional Flagship Store จำนวนทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ ภูเก็ต (สาขาแรก), กาดน่าน, พิษณุโลก, นครศรีธรรมราช, หาดใหญ่, ตลาดต้นตาล ที่ขอนแก่น, และเชียงใหม่ META MALL (สาขาล่าสุด)