กรณีศึกษา การสร้างสินค้าให้แตกต่างจากคู่แข่ง จนรายได้เติบโตกว่า 208% ของ Up&Under
2 พ.ย. 2023
Up&Under x BrandCase
ข้อมูลจากเว็บไซต์ catalyst.org ได้คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2571 การใช้จ่ายของผู้บริโภคหญิงทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 31.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 1,100 ล้านล้านบาท
ซึ่งคิดเป็น 85% ของการซื้อของผู้บริโภคทั้งหมดเลยทีเดียว
ซึ่งคิดเป็น 85% ของการซื้อของผู้บริโภคทั้งหมดเลยทีเดียว
นั่นหมายความว่า ตลาดนี้ถือเป็นอีกโอกาสทางธุรกิจ และเป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ที่หลายแบรนด์โฟกัส
ซึ่งหนึ่งในแบรนด์ไทยที่เข้ามาหาโอกาสในตลาดของผู้บริโภคหญิง ก็คือ Up&Under
แบรนด์ Shapewear Tech ชุดกระชับสัดส่วน ที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์
จนทำให้ปี 2565 ที่ผ่านมา Up&Under มีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 208%
แบรนด์ Shapewear Tech ชุดกระชับสัดส่วน ที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์
จนทำให้ปี 2565 ที่ผ่านมา Up&Under มีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 208%
แล้ว Up&Under มีวิธีการสร้างธุรกิจให้แตกต่าง จนสามารถชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้มาได้อย่างไร ?
BrandCase จะสรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
BrandCase จะสรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า Up&Under อ่านว่า อัพแอนด์อันเดอร์
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยคุณเชอรี่-วริศรา ประภาพยืนยง
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยคุณเชอรี่-วริศรา ประภาพยืนยง
ไอเดียธุรกิจนี้ เกิดขึ้นเมื่อตอนที่คุณเชอรี่ต้องใส่ชุดเดรสทำงาน แล้วรู้สึกไม่มั่นใจ
แต่ก็ยังไม่มีชุดกระชับสัดส่วนของแบรนด์ไหน ที่สามารถตอบโจทย์ผู้หญิงเอเชียได้จริง ๆ
แต่ก็ยังไม่มีชุดกระชับสัดส่วนของแบรนด์ไหน ที่สามารถตอบโจทย์ผู้หญิงเอเชียได้จริง ๆ
เพราะชุดกระชับสัดส่วนที่มีอยู่ในตลาดตอนนั้น ส่วนใหญ่มีดีไซน์ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่
เนื้อผ้ามีความหนา ไม่เหมาะกับอากาศร้อนในเมืองไทย อีกทั้งขนาดของชุดก็ไม่พอดีกับสรีระของชาวเอเชีย
เนื้อผ้ามีความหนา ไม่เหมาะกับอากาศร้อนในเมืองไทย อีกทั้งขนาดของชุดก็ไม่พอดีกับสรีระของชาวเอเชีย
ตอนนั้นคุณเชอรี่มองว่า ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่เอาจริงเอาจังกับผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เลย
และสินค้า Shapewear ก็ยังมีช่องว่างในอีกหลาย ๆ เรื่องให้เข้าไปแก้ไข
และสินค้า Shapewear ก็ยังมีช่องว่างในอีกหลาย ๆ เรื่องให้เข้าไปแก้ไข
เมื่อคิดได้แบบนั้น คุณเชอรี่จึงได้หยิบเอาอินไซต์จากสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริง ๆ รวมถึง Pain Point ที่หลาย ๆ คนเจอ มาสร้างเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น
โดยสินค้าตัวแรกที่ทำออกมาคือรุ่น Seamless Classic ซึ่งหลังจากทำออกมา ก็ได้รับผลการตอบรับที่ดี
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ ชุดกระชับสัดส่วน Up&Under กลายมาเป็น No.1 Shapewear Tech ที่แตกต่างจากแบรนด์ทั่ว ๆ ไป ?
1. คุณภาพของเนื้อผ้า
เนื้อผ้าของชุดกระชับสัดส่วนที่ Up&Under ผลิตออกมา จะใช้เนื้อผ้า Air Lite ที่เน้นความบางเบาและไม่หนา
เช่น กางเกงกระชับสัดส่วน รุ่น Seamless Classic รุ่นขายดีของแบรนด์ ที่ใช้เนื้อผ้า Xtra Stretch Fabric
ซึ่งเป็นผ้านําเข้าที่มีส่วนผสมระหว่าง Polyamide 68% และ Spandex 32%
ทำให้เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่น แต่ยังเก็บกระชับ และระบายอากาศได้ดี
เช่น กางเกงกระชับสัดส่วน รุ่น Seamless Classic รุ่นขายดีของแบรนด์ ที่ใช้เนื้อผ้า Xtra Stretch Fabric
ซึ่งเป็นผ้านําเข้าที่มีส่วนผสมระหว่าง Polyamide 68% และ Spandex 32%
ทำให้เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่น แต่ยังเก็บกระชับ และระบายอากาศได้ดี
นอกจากนี้ในส่วนของบราก็ฮอตฮิตไม่แพ้กัน เพราะทางแบรนด์ได้นำนวัตกรรมที่เรียกว่า Cooling Yarn ซึ่งช่วยให้อุณหภูมิเย็นลง 3 องศามาใช้ ทำให้ลูกค้าที่ใส่บราของ Up&Under จะรู้สึกเย็นสบายมากขึ้นขณะที่สวมใส่
ช่วยแก้ปัญหาการใส่บราแล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวของผู้หญิงที่ต้องเจอกับอากาศร้อน ให้ใส่สบายได้ทั้งวันแต่ยังคงความสวยของหน้าอกไว้
ช่วยแก้ปัญหาการใส่บราแล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวของผู้หญิงที่ต้องเจอกับอากาศร้อน ให้ใส่สบายได้ทั้งวันแต่ยังคงความสวยของหน้าอกไว้
2. ออกแบบเรียบง่าย แต่ใช้งานได้จริง
ชุดกระชับสัดส่วนของ Up&Under มีดีไซน์ที่เรียบเนียนมากเป็นพิเศษ
ด้วยการเย็บแบบไร้รอยตะเข็บ เพื่อให้สามารถใช้งานได้กับทุกชุดและทุกเนื้อผ้า
ช่วยแก้ปัญหาตะเข็บโผล่ให้กับลูกค้าที่ชอบใส่ชุดเดรสผ้าซาตินลื่น ๆ หรือชุดที่แนบเนื้อ
ด้วยการเย็บแบบไร้รอยตะเข็บ เพื่อให้สามารถใช้งานได้กับทุกชุดและทุกเนื้อผ้า
ช่วยแก้ปัญหาตะเข็บโผล่ให้กับลูกค้าที่ชอบใส่ชุดเดรสผ้าซาตินลื่น ๆ หรือชุดที่แนบเนื้อ
นอกจากนี้แบรนด์ยังมีนวัตกรรม Tummy Tuck Tech คือ การเสริมแผ่นเก็บหน้าท้อง ด้วยแผ่นตาข่ายละเอียด เพื่อให้เก็บส่วนเกินบริเวณหน้าท้องได้เรียบเนียน
ช่วยให้ลูกค้าผู้หญิงสามารถใส่ชุดกระชับสัดส่วนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
3. เป็นแบรนด์เดียวที่ออกแบบชุดกระชับสัดส่วนมาเพื่อให้เข้ากับสรีระของสาวเอเชียโดยเฉพาะ
ช่วยให้ลูกค้าผู้หญิงสามารถใส่ชุดกระชับสัดส่วนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
3. เป็นแบรนด์เดียวที่ออกแบบชุดกระชับสัดส่วนมาเพื่อให้เข้ากับสรีระของสาวเอเชียโดยเฉพาะ
เนื่องจากแบรนด์มองว่าสรีระของผู้หญิงเอเชียนั้น มีความแตกต่างจากผู้หญิงฝั่งตะวันตกค่อนข้างมาก
เช่น ขนาดหน้าอก ขนาดเอว ขนาดสะโพก และความสูง
เช่น ขนาดหน้าอก ขนาดเอว ขนาดสะโพก และความสูง
ทำให้หลายครั้งที่ลูกค้าซื้อชุดกระชับสัดส่วน ของแบรนด์ต่างชาติมาใช้ แล้วพบว่าไซซ์ไม่พอดีตัว
ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นปัญหาหนึ่งที่ลูกค้าผู้หญิงเอเชียต้องเจอเป็นประจำ
ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นปัญหาหนึ่งที่ลูกค้าผู้หญิงเอเชียต้องเจอเป็นประจำ
ดังนั้น Up&Under จึงตั้งใจออกแบบชุดกระชับสัดส่วน ให้แต่ละคอลเลกชันมีความยาวพอดีกับความสูงและเหมาะกับสรีระของผู้หญิงเอเชียโดยเฉพาะ จนกลายมาเป็น Shapewear ที่สวมใส่สบายที่สุด ที่สาว ๆ อยากใส่ทุกวัน
4. ใส่ใจในรายละเอียด
นอกจากนี้แบรนด์ยังมีการออกแบบ ที่ใส่ใจรายละเอียดในจุดสำคัญอื่น ๆ อีก เช่น
กางเกงกระชับสัดส่วน รุ่น Core Contour ซึ่งเป็นรุ่นที่เก็บกระชับสัดส่วนขั้นสูง Up&Under ได้ออกแบบการทอผ้าเฉพาะจุด เว้นช่วงก้น เพื่อให้ผู้บริโภคสวมใส่แล้วมีสรีระที่สวย
หรือบริเวณเป้าของกางเกงกระชับสัดส่วน จะมีการใช้เป็นผ้าคอตตอน 100% เพื่อให้อ่อนโยนต่อผิวมากที่สุด
และอีกหนึ่งปัญหาหลักที่ผู้บริโภคมักเจอเป็นประจำ คือ เมื่อใช้งานไปสักพัก ขากางเกงของชุดกระชับสัดส่วน จะม้วนขึ้น ตรงนี้เอง Up&Under ก็มีการออกแบบให้มีซิลิโคนตรงขอบกางเกง เพื่อป้องกันการม้วนขึ้นเวลาที่สวมใส่
จะเห็นว่า ทั้ง 4 ข้อที่เล่ามาทั้งหมดนี้ สามารถแก้ไข Pain Point ที่ลูกค้าหลายคนเจอได้อย่างตรงจุดพอดี
ทำให้เกิดการบอกปากต่อปากในกลุ่มผู้บริโภค และทำให้ชุดกระชับสัดส่วนของแบรนด์ Up&Under เป็นที่รู้จักและถูกพูดถึงมากขึ้นนั่นเอง
ทำให้เกิดการบอกปากต่อปากในกลุ่มผู้บริโภค และทำให้ชุดกระชับสัดส่วนของแบรนด์ Up&Under เป็นที่รู้จักและถูกพูดถึงมากขึ้นนั่นเอง
นอกจากการสร้างสินค้าขึ้นมาจาก Pain Point ของลูกค้าแล้ว
แบรนด์ Up&Under ใช้กลยุทธ์อะไรในการโปรโมตตัวเองอีกบ้าง ? เราลองมาวิเคราะห์กัน
แบรนด์ Up&Under ใช้กลยุทธ์อะไรในการโปรโมตตัวเองอีกบ้าง ? เราลองมาวิเคราะห์กัน
- สร้างภาพลักษณ์ของสินค้า ให้เหมาะสำหรับผู้หญิงทุกรูปแบบ
หากใครเคยเข้าไปดูที่หน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ Up&Under จะเห็นว่ามีการใช้นางแบบที่มีหุ่นหลากหลายแบบ หลากหลายไซซ์ และหลากหลายสีผิว
เพราะแบรนด์มองว่ามีผู้หญิงอีกหลายคนที่ชื่นชอบในรูปร่างของตัวเอง และแบรนด์เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบไหน ต่างก็ต้องการชุดกระชับสัดส่วน เพื่อเสริมความมั่นใจในวันพิเศษให้กับตัวเองทั้งนั้น
จึงทำให้กลุ่มลูกค้าของแบรนด์กว้างขึ้น และทำให้แบรนด์ Up&Under กลายเป็นชุดกระชับสัดส่วนที่ตอบโจทย์สำหรับผู้หญิงทุกไซซ์นั่นเอง
- การใช้อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีฐานแฟนคลับตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
แน่นอนว่าปัจจุบันหลาย ๆ แบรนด์ต่างใช้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อโปรโมตสินค้า แต่สิ่งที่ทำให้การใช้อินฟลูเอนเซอร์ของ Up&Under ประสบความสำเร็จคือ การใช้อินฟลูเอนเซอร์ ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และเป็นกลุ่มที่เคยใช้สินค้าของทางแบรนด์จริง ๆ
เช่น คุณโมเม คุณวาเลนไทน์ หรือคุณปอ ซึ่งทุกคนต่างเป็นอินฟลูเอนเซอร์ด้านบิวตีชื่อดัง ที่มี Self-Esteem หรือการเห็นคุณค่าในตัวเองที่สูง จึงทำให้มีฐานแฟนคลับที่ค่อนข้างหลากหลายไซซ์ ส่งผลให้การโปรโมตแบรนด์ Up&Under เป็นเหมือนการออกมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟัง
นอกจากนี้ Up&Under ยังมี คุณมิน พีชญา นักแสดงและเจ้าของธุรกิจ ที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้หญิงสวยและเก่ง มีความเป็น Working Women มาเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์
ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ EMPOWERING BEAUTY หรือพลังแห่งความงาม ที่มีอยู่ในผู้หญิงทุกคนตามที่แบรนด์วางไว้
ซึ่งตรงกับคอนเซปต์ EMPOWERING BEAUTY หรือพลังแห่งความงาม ที่มีอยู่ในผู้หญิงทุกคนตามที่แบรนด์วางไว้
เมื่อรวมเอาทั้งเรื่องคุณภาพของสินค้า ที่ทำออกมาได้ตอบโจทย์และแก้ทุก Pain Point ของลูกค้า บวกกับการสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า ให้เหมาะสำหรับผู้หญิงทุกรูปแบบ และพร้อมสนับสนุนผู้หญิงทุกคน ทั้งการใช้อินฟลูเอนเซอร์ ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และการได้คุณมิน มาเป็นพรีเซนเตอร์
ทั้งหมดนี้ ทำให้แบรนด์ Up&Under มีรายได้ในปี 2565 เติบโตขึ้นกว่า 208%
และเป้าหมายต่อไปของแบรนด์ Up&Under คือการเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเร็ว ๆ นี้ นั่นเอง..
และเป้าหมายต่อไปของแบรนด์ Up&Under คือการเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ขึ้น อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเร็ว ๆ นี้ นั่นเอง..
Tag:Up&Under