คุยกับ ไมเนอร์ ฟู้ด ทำไมเอาร้านอาหารจีน สไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน มาบุกไทยตอนนี้  

คุยกับ ไมเนอร์ ฟู้ด ทำไมเอาร้านอาหารจีน สไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน มาบุกไทยตอนนี้  

6 ก.ค. 2023
คุยกับ ไมเนอร์ ฟู้ด ทำไมเอาร้านอาหารจีน สไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน มาบุกไทยตอนนี้ | BrandCase
ถ้าพูดถึงเทรนด์อาหารยอดฮิตของคนไทยในตอนนี้ หลายคนคงพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าคือเทรนด์ “หม่าล่า”
และเจ้าใหญ่ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารอย่าง Minor Food ก็กำลังก้าวเข้ามาเล่นในตลาดนี้ ในประเทศไทยด้วย
ล่าสุด The Minor Food Group เพิ่งเปิดตัวร้านอาหารชื่อว่า “ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า” (Riverside Grilled Fish & Mala) ซึ่งเป็นร้านอาหารจีนสไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน
โดยเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ประเด็นคือ ทุกวันนี้ตลาดอาหารจีนในไทย โดยเฉพาะเมนูหม่าล่า ถือว่าเป็นตลาดที่มีกระแสมาสักพักแล้ว
และหลาย ๆ ร้านที่อยู่ในตลาดตอนนี้ ก็มีชื่อเสียงและมีฐานลูกค้าในประเทศไทย มากในระดับหนึ่งแล้ว
ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ร้านใหม่ของ Minor Food อย่าง ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า
มีกลยุทธ์อะไร ที่นำมาใช้ช่วงชิงลูกค้าจากแบรนด์อื่น ?
วันนี้ BrandCase มีโอกาสได้คุยกับ คุณธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับเรื่องนี้..
“ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช” เริ่มมาจากร้านอาหารจีนสไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน ร้านเล็ก ๆ ในย่านชุมชนแถวมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ก่อตั้งเมื่อปี 2548
โดยมีจุดเด่น คือ “ปลาย่างสไตล์ฉงชิ่ง” เมนูอาหารพื้นเมืองของมณฑลเสฉวน และ “หม่าล่าต้นตำรับ” ที่มีเอกลักษณ์ของความเผ็ดชา และรสชาติที่เข้มข้น จัดจ้าน
ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปได้ไม่นาน ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่คนจีน
จนต้องขยายสาขาไปตามหัวเมืองสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ หางโจว หนานจิง และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศจีน
ซึ่งถ้าถามว่าร้านริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช ในประเทศจีนได้รับความนิยมขนาดไหน ?
ต้องบอกว่า เพียงแค่วันแรกของการเปิดสาขาใหม่ที่กรุงปักกิ่ง ก็มีลูกค้ามารอต่อแถวยาวออกไป จนถึงถนนนอกร้านเลยทีเดียว
จากกระแสของร้านที่ดังตั้งแต่อยู่ในจีนนี้เอง ทำให้ในปี 2560 ไมเนอร์ ฟู้ด ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของร้านริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช
พอซื้อเสร็จ ก็ขยายสาขามายังประเทศสิงคโปร์ก่อน เพราะเป็นประเทศที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ
ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เหมือนกับที่ประเทศจีน
ทำให้ในปัจจุบัน ร้านริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช มีสาขากว่า 149 สาขา ทั้งในประเทศจีน และประเทศสิงคโปร์
ที่น่าสนใจตอนนี้คือ ในเมื่อ ไมเนอร์ ฟู้ด มีแบรนด์ร้านอาหารจีนเจ้าดังอยู่ในมือมาตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
แต่ทำไม ไมเนอร์ ฟู้ด ถึงเลือกบุกตลาดอาหารจีนในไทย ในเวลานี้ ?
เรื่องนี้คุณธันยเชษฐ์ ตอบว่า
ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารจีนในประเทศไทย มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค
แต่เนื่องจากตลาดอาหารจีนในไทยที่มีอยู่ในตอนนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่เกิดจากผู้ประกอบการรายบุคคลหรือรายย่อย มากกว่าเชนร้านอาหารจากเจ้าใหญ่
และร้านอาหารจีนในไทยส่วนใหญ่ก็เป็น “หม่าล่าสไตล์เสฉวน”
ไมเนอร์ ฟู้ด เองก็มีร้านอาหารจีนในมือที่มีสไตล์แตกต่างกับคนอื่น จุดนี้เองที่ทำให้เห็นช่องทางในการเข้ามาเป็นผู้เล่นอีกรายในตลาดนี้
จึงเป็นที่มาของการนำเข้าร้าน “ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า” (Riverside Grilled Fish & Mala) ร้านอาหารจีนสไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน ซึ่งเป็นสไตล์หม่าล่าที่แตกต่างกับเจ้าอื่น เข้ามาต่อยอด เปิดตลาดในประเทศไทย
ด้วยเมนูซิกเนเชอร์อย่าง เมนูปลาย่าง ในซุปหม่าล่า สไตล์ฉงชิ่ง-เสฉวน และการมีน้ำซุปชนิดอื่น ๆ ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกทานได้ตามใจชอบ
เหมาะสำหรับทั้งคนที่ชอบหม่าล่า และคนที่ไม่ถนัดทานหม่าล่าแบบเผ็ด ๆ
หรือใครก็ตามที่กำลังมองหาวิธีการทานปลาในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งมองว่าเป็นคอนเซปต์ที่แตกต่างจากร้านอาหารจีนเจ้าอื่น ๆ ในไทย
บวกกับการวิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตลาดอาหารจีนในไทยมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นจริง ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 5-6 พันล้านบาท และความต้องการจากผู้บริโภคเองก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้ ไมเนอร์ ฟู้ด ค่อนข้างมั่นใจว่า การเข้ามาในเวลานี้เป็น “จังหวะที่เหมาะสม” ไม่ได้มองว่าเร็วเกินไป หรือช้าเกินไป
ซึ่งถ้าถามต่อไปอีกว่า แล้วการที่ ไมเนอร์ ฟู้ด ไม่ได้เอา ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า เข้ามาในตลาดนี้เป็นเจ้าแรก
อะไรคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับ ไมเนอร์ ฟู้ด แล้วมีวิธีในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรหรือไม่ ?
คุณธันยเชษฐ์ ตอบสั้น ๆ ว่า “เราไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามาเป็นเจ้าแรก ๆ” แต่เรารอจังหวะให้ตลาดมีการเติบโต และมีขนาดที่ใหญ่พอในระดับหนึ่ง
และก่อนที่จะนำร้าน ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า เข้ามาเปิดในไทย ก็มีการเก็บข้อมูลและปรับเปลี่ยนเมนูบางอย่างให้เหมาะกับคนไทยมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น ชนิดปลาที่คนไทยชอบทาน อย่างปลาเก๋า หรือปลากะพง
รวมไปถึงเมนูหม่าล่าผัด ประเภทอาหารจานเดียว แบบ D.I.Y ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบได้เอง
ตรงนี้ก็มีการเพิ่มชนิดของวัตถุดิบให้มีความหลากหลาย มากกว่าร้านในสาขาต่างประเทศ
เพื่อให้ร้าน ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคคนไทยได้ครอบคลุมทุกช่วงวัย ทั้งวัยรุ่น คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว
นอกจากนั้น ยังมีการปรับชื่อร้านให้ผู้บริโภครู้จักมากขึ้น ด้วยการปรับชื่อร้านเดิม จากที่มีเพียงแค่ “ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช” ปรับให้เป็น “ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า”
ซึ่งการเติมคำว่า “แอนด์ หม่าล่า” ก็เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใจคอนเซปต์ของร้านได้ง่ายขึ้นด้วยนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาเป็นเจ้าแรก ๆ
แต่เนื่องจากประสิทธิภาพ และประสบการณ์เรื่องการทำร้านอาหารของไมเนอร์ ฟู้ด ก็ทำให้สามารถขยายสาขาได้ง่าย และเลือกทำเลสาขาได้ค่อนข้างเร็ว
จึงทำให้มั่นใจว่า ริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ร้านอาหารเรือธงในเครือไมเนอร์ ฟู้ด
ที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรักอาหารจีน และสามารถครองใจผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติได้
ทั้งนี้ ร้านริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า ได้เปิดตัวสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 6 ในวันที่ 6 กรกฎาคม
และมีแผนที่จะเปิดสาขา 2 ที่เซ็นทรัล พระราม 9 ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมปีนี้เช่นกัน
สรุปแล้ว การที่ ไมเนอร์ ฟู้ด เอาร้านริเวอร์ไซด์ กริลล์ ฟิช แอนด์ หม่าล่า เข้ามาเปิดที่ไทยในจังหวะนี้
เป็นเพราะแบรนด์มองว่า ตลาดอาหารจีนในไทย มีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างเร็ว และความต้องการของผู้บริโภคก็มากพอ ที่เจ้าใหญ่อย่าง ไมเนอร์ ฟู้ด จะสามารถเข้ามาแข่งขันได้
หรือพูดง่าย ๆ คือ ไมเนอร์ ฟู้ด มองว่าเป็น “Perfect Timing” ไม่ได้มาช้า หรือมาเร็วเกินไป นั่นเอง..
Reference
-สัมภาษณ์โดยตรงกับ คุณธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.