ทำไม เจ้าของคาราบาว มาทำร้านโชห่วย ถูกดี มีมาตรฐาน

ทำไม เจ้าของคาราบาว มาทำร้านโชห่วย ถูกดี มีมาตรฐาน

28 ม.ค. 2023
ทำไม เจ้าของคาราบาว มาทำร้านโชห่วย ถูกดี มีมาตรฐาน | BrandCase
รู้หรือไม่ ? ธุรกิจ ถูกดี มีมาตรฐาน มีจุดเริ่มต้นมาจากร้านโชห่วยเล็ก ๆ เพียงร้านเดียว ในจังหวัดนครปฐม
แต่ปัจจุบัน ธุรกิจ ถูกดี มีมาตรฐาน มีร้านโชห่วยที่เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ มากกว่า 5,000 ร้านค้า กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย
จากจุดเริ่มต้นเพียงแค่ 1 ร้าน สู่ 5,000 ร้านในปัจจุบัน
คุณเสถียร เสถียรธรรมะ สร้างโมเดลธุรกิจนี้ได้อย่างไร ?
BrandCase จะสรุปให้ฟัง
เรื่องนี้ถูกเล่าเอาไว้ในวิดีโอสัมภาษณ์ คุณเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานกรรมการ ถูกดี มีมาตรฐาน ใน YouTube Channel ของ ถูกดี มีมาตรฐาน เอง
คุณเสถียรเล่าให้ฟังว่า
ย้อนกลับไปเมื่อสมัย 10 กว่าปีที่แล้ว หลังจากที่ทำเครื่องดื่มคาราบาวแดงมา ก็ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับร้านโชห่วยมาโดยตลอด
และจากที่ได้เห็นร้านโชห่วยตามต่างจังหวัดหลาย ๆ ร้าน ทำให้คุณเสถียรมองว่า ร้านโชห่วยเหล่านี้ เป็นเหมือนเส้นเลือดสำคัญของแต่ละชุมชน
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าร้านโชห่วยเหล่านี้ มียอดขายน้อย หลายร้านสู้ร้านสะดวกซื้อเจ้าใหญ่ ๆ ไม่ได้ จนต้องปิดตัวลงไป
และสาเหตุหลัก ๆ ก็เกิดจาก สินค้าภายในร้านมีน้อย และการบริหารจัดการภายในร้านไม่เป็นระบบ ไม่มีมาตรฐาน ทำให้คนไม่อยากเข้าร้าน
แต่เพราะคุณเสถียรเห็นว่า ร้านโชห่วยเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนได้ในอนาคต
จึงเริ่มทดลอง โดยการเปิดเป็นร้านโชห่วยเล็ก ๆ แค่ห้องแถวเดียว เหมือนกับร้านโชห่วยธรรมดาทั่วไปแห่งแรก ขึ้นที่จังหวัดนครปฐม
หลังจากเปิดร้านไปได้ไม่นานก็พบว่า จากที่มียอดขายวันละ 6,000-7,000 บาท
ก็เริ่มเพิ่มขึ้นจนถึงวันละ หลักหมื่นบาท ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น
แต่คุณเสถียร ก็ยังไม่ฟันธงว่า โมเดลธุรกิจที่คิดขึ้นมานี้ จะประสบความสำเร็จเสียทีเดียว
เพราะในอีกมุมหนึ่ง คุณเสถียรกลับมองว่า ที่ยอดขายต่อวันสามารถแตะหลักหมื่นบาทได้ อาจจะเป็นเพราะการเปิดร้านแรกนี้ เป็นพื้นที่ในเขตปริมณฑลที่มีกำลังซื้อ และมีจำนวนคนเยอะอยู่แล้ว
เมื่อคิดแบบนี้เลยตัดสินใจไปเปิดร้านถูกดี มีมาตรฐาน ที่ภาคอีสาน ในจังหวัดขอนแก่นเพิ่ม ซึ่งก็พบว่า ยอดขายที่สาขาขอนแก่นก็สูงขึ้นเช่นกัน
แต่แค่นั้นยังไม่พอ คุณเสถียรก็ยังเปิดร้านโชห่วยเพิ่ม ตามต่างจังหวัดอื่น ๆ อีกกว่าร้อยร้านค้า
เพื่อพิสูจน์ว่าโมเดลธุรกิจของร้านโชห่วยถูกดี มีมาตรฐาน ที่คิดขึ้นมานี้ สามารถใช้งานได้จริง
คุณเสถียรยังคิดต่อไปว่า แล้วถ้าหากว่าร้านโชห่วยทั่วไป มีสินค้ามากขึ้น มีองค์ความรู้ และระบบการจัดการที่ดี สามารถแข่งขันด้านราคาได้
และมีการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย ได้เหมือนกับที่ร้านค้ารายใหญ่ทำได้ น่าจะทำให้ร้านโชห่วยเหล่านี้อยู่รอดได้
จึงเป็นที่มาของการเปิดรับร้านค้าโชห่วยจากทั่วประเทศ เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์กับ ถูกดี มีมาตรฐาน ในเวลาต่อมานั่นเอง
โดยคุณสมบัติคร่าว ๆ ของคนที่จะเข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์กับ ถูกดี มีมาตรฐาน คือ
ต้องเป็นคนที่มีร้านค้าอยู่แล้ว มีเงินทุนสำหรับปรับปรุงร้านให้ได้ตามมาตรฐาน
คือ ค่าปรับปรุงร้าน ประมาณ 100,000-200,000 บาท และมีเงินค้ำประกันในการปฏิบัติตามสัญญา 200,000 บาท
ส่วน บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ คาราบาว กรุ๊ป ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ ถูกดี มีมาตรฐาน
จะเป็นผู้ลงทุนสินค้าในร้านทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ตู้แช่สินค้า กล้องวงจรปิด และเครื่อง POS ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท
ซึ่งมีรูปแบบร้าน 3 ขนาด
-ขนาด 1 คูหา พื้นที่ขาย 32-60 ตร.ม. จำนวนสินค้า ~1,700 รายการ
-ขนาด 2 คูหา พื้นที่ขาย 64-96 ตร.ม. จำนวนสินค้า ~1,800 รายการ
-ขนาด 3 คูหา พื้นที่ขาย 96 ตร.ม. ขึ้นไป จำนวนสินค้า ~2,000 รายการ
โดย ทีดี ตะวันแดง จะเก็บส่วนแบ่งจากยอดขายของพาร์ตเนอร์ 15%
ปรากฏว่า ร้านค้าที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ ถูกดี มีมาตรฐาน สามารถทำยอดขายได้ดีกว่าร้านที่บริษัททำเองเสียอีก
ซึ่งจากการวิเคราะห์ของคุณเสถียร ก็พอจะสรุปได้ว่า
ร้านค้าพาร์ตเนอร์เหล่านี้ เดิมทีมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว เมื่อสินค้าเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งดึงดูดลูกค้าเข้ามาซื้อของเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเป็นแบบนี้ จึงได้เปิดรับสมัครร้านค้าโชห่วยทั่วประเทศแบบไม่จำกัด เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์กับ ถูกดี มีมาตรฐาน
และทำให้ปัจจุบัน ถูกดี มีมาตรฐาน มีร้านค้าโชห่วยที่เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ มากกว่า 5,000 ร้านค้า กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย
และปัจจุบันร้านค้าถูกดี มีมาตรฐาน ประมาณร้อยกว่าร้าน ที่เครือคาราบาวเปิดเองในช่วงแรก ๆ ก็ได้ปิดตัวลงและขายให้กับบุคคลอื่นไปทำต่อแล้ว
เพราะคุณเสถียรตั้งใจให้ ถูกดี มีมาตรฐาน เข้ามาช่วยยกระดับและพัฒนาร้านค้าโชห่วย ไม่ได้ต้องการมาทำธุรกิจแข่งกับร้านค้าเหล่านั้น
แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์ ก็คงต้องบอกว่า โมเดลธุรกิจของ ถูกดี มีมาตรฐาน ต่างฝ่ายก็มีส่วนได้ส่วนเสียกันคนละแบบ
ฝั่งของ บริษัททีดี ตะวันแดง จำกัด ประโยชน์ที่ได้คือ ทำยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นได้ โดยไม่ต้องลงแรงขยายสาขาใหม่เองทั้งหมด
แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องต้นทุนสินค้า และอุปกรณ์ที่ลงทุนไปในแต่ละร้านโชห่วย และบริษัทก็มีภาระค่าใช้จ่ายเรื่องค่าบริการขนส่งสินค้า ค่าระบบ และค่าจ้างพนักงานตรวจสต็อกสินค้า และพาร์ตเนอร์
ในฝั่งของร้านค้าโชห่วยที่เข้ามาเป็นพาร์ตเนอร์ ประโยชน์ที่ได้คือ
ได้ใช้แบรนด์ที่ตลาดยอมรับคุณภาพในระดับหนึ่งแล้ว มีระบบการจัดการร้าน การจัดการสินค้าที่มีมาตรฐาน และได้สินค้าที่หลากหลายเข้ามาช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านมากขึ้น
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ยอดขายที่ได้ ก็ไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนกับการเป็นเจ้าของเองทั้งหมด
เพราะทางร้านก็ต้องเสียส่วนแบ่ง 15% ของยอดขายที่ทำได้ ให้กับ ทีดี ตะวันแดง เจ้าของแบรนด์ ถูกดี มีมาตรฐาน นั่นเอง..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.