กรณีศึกษา Bitazza ซูเปอร์แอปสายบล็อกเชน สัญชาติไทย

ถ้าหากพูดถึงแอปพลิเคชันซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล​ หลายคนอาจจะมองว่าแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เทรดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ซึ่งต้องบอกว่ามาจนถึงปัจจุบันนี้ คนทั่วโลกนั้นมีการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นวงกว้าง และสินทรัพย์ดิจิทัลก็ไม่ใช่สินทรัพย์เพื่อการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสินทรัพย์ที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว

ทีนี้ ถ้ากลับมาดูแอปพลิเคชันเทรด ที่เราใช้กันในปัจจุบัน..

จะเห็นได้ว่า สินทรัพย์ดิจิทัลนั้น สามารถถูกนำไปใช้ได้หลากหลายมาก ซึ่งอาจจะเกินขอบเขตของคำว่าแอปพลิเคชันซื้อขายแลกเปลี่ยนไปแล้ว

และจะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถทำทุกอย่างเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ ได้ในแอปพลิเคชันเดียว

ซึ่งในวันนี้ก็มีนักพัฒนาหลายรายที่พยายามทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น

และหนึ่งในนั้นก็คือแอปพลิเคชันอย่าง Bitazza หรือ บิทาซซ่า
ที่กำลังโตแรงในกลุ่มประเทศอาเซียนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ที่น่าสนใจคือแอปพลิเคชันนี้ เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนาโดยคนไทยด้วย

แล้วความน่าสนใจของแอปพลิเคชันนี้คืออะไร
ทำไมถึงกำลังได้รับความนิยม ?

BrandCase จะสรุปให้ฟัง

1. มีฟังก์ชันที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกมิติเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ด้วยความเป็นแอปพลิเคชันที่มีอะไรมากกว่า แอปพลิเคชันเทรดทั่วไป โดยนอกจากจะสามารถซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล​ในแอปพลิเคชันได้แล้ว

ตัวแอปพลิเคชันยังมีบัตรพ่วงที่ชื่อว่า Freedom Card ที่มีลักษณะคล้ายบัตรเดบิต ให้เราสามารถเติมเงินผ่านบัตรได้โดยตรง

ซึ่งบัตร Freedom Card ถือเป็นบัตรแรกในไทยที่สามารถเติมเงินสกุลเงินบาท และสามารถเติมเงินจากการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลต่าง ๆ เป็นเงินบาทในบัตร ผ่านแอปพลิเคชัน แล้วนำบัตรไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย

นอกจากนี้ Freedom Card ยังให้บริการผ่านตัวกลางรับชำระอย่าง Visa ทำให้สามารถใช้บัตรนี้กับธุรกิจหรือร้านค้ากว่า 80 ล้านแห่งทั่วโลก

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่าสนใจก็คือ การพัฒนาระบบสะสมแต้ม โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน Web 3.0 สำหรับกลุ่มธุรกิจ

โดยบริการนี้เป็นแอปพลิเคชันวอลเล็ตเว็บ 3 ซึ่งเป็นเหมือนระบบระหว่างตัวผู้ประกอบการกับลูกค้า ให้ลูกค้ามาสะสมแต้ม หรือแลกบริการต่าง ๆ บนโครงข่ายนี้ได้เลยทันที

ซึ่งนอกจากจะสามารถสะสมแต้มต่าง ๆ แล้ว ตัวระบบนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถ สร้างคอมมิวนิตี
เก็บสะสมพอยต์ ระบบสมาชิก ไต่ระดับ และแลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้งานอย่างครบวงจร

เหมือนกระเป๋าสะสมแต้มส่วนตัวที่บอกว่า ตอนนี้เรามีแต้มกับร้านนี้เท่าไร อยู่ในระดับไหน มีสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง

ซึ่งเจ้าตัว Freedom นี้ ก็มีผู้ใช้งานจริงแล้ว โดยมีตัวอย่างธุรกิจที่เราคุ้นเคยกัน อย่างการคมนาคม รวมไปถึงร้านคาเฟ ร้านอาหาร หรืองานอิเวนต์ต่าง ๆ ที่เข้ามาทดลองใช้แอปพลิเคชันสะสมพอยต์ผสานเทคโนโลยีบล็อกเชนนี้

2. ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

ต้องบอกก่อนว่า ก่อนที่ทางผู้พัฒนาต้องการจะทำให้ บิทาซซ่า กลายเป็นซูเปอร์แอปอย่างทุกวันนี้ อดีตก็เคยเป็นเพียงแอปพลิเคชันเทรดเดี่ยว ๆ มาก่อน

ซึ่งแน่นอนว่า ความน่าเชื่อถือของแอปพลิเคชันเทรดในปัจจุบัน ค่อนข้างจะเป็นเรื่องสำคัญของนักเทรดหลายคน

โดยจุดเด่นของ บิทาซซ่า ก็คือ ทางผู้พัฒนาจะคัดสรรเหรียญที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 70 เหรียญบนกระดาน

และยังเป็นนายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลฝีมือคนไทย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สามารถเทรดด้วยสกุลเงินบาทได้

นอกจากนี้ทางบิทาซซ่ายังมีนโยบายในการดูแล สินทรัพย์ของผู้ใช้งานเป็นอย่างดี โดยจะไม่มีการนำสินทรัพย์ที่ผู้ใช้งานฝากเอาไว้ ไปลงทุนหรือทำธุรกรรมอื่น ๆ

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้ บิทาซซ่า เป็นที่ยอมรับในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยได้อย่างรวดเร็ว

3. ใช้งานง่ายด้วยการออกแบบที่นึกถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก

ทางผู้พัฒนาของ บิทาซซ่า มองว่า เมื่อพูดถึงคำว่าบล็อกเชน และสินทรัพย์ดิจิทัล หลายคนจะมองว่ามันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก ดังนั้นทางผู้พัฒนาจึงมีความต้องการที่จะพัฒนาซูเปอร์แอปนี้ ให้สามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด

โดยเปรียบเทียบเหมือนกับว่า ในการที่เราจะขับรถยนต์ได้ เราอาจจะไม่ต้องรู้ทั้งหมดว่า เครื่องยนต์นั้นมันมีกลไกอย่างไร

แต่สิ่งสำคัญคือ การทำให้คนสามารถขับรถได้อย่างง่าย สะดวก และปลอดภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ของเหล่านักพัฒนา ที่จะต้องทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกถึงความลื่นไหลมากที่สุด

ดังนั้นตัวแอปพลิเคชันบิทาซซ่านั้น จะถูกพัฒนาโดยยึดคติเหล่านี้เป็นหลัก ทำให้ทั้งการออกแบบ UX/UI ต่าง ๆ นั้น ดูง่าย สบายตา ไม่รกสายตา พร้อมทั้งยังถูกจัดวางแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างเป็นระเบียบ

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า บิทาซซ่า กำลังขับเคลื่อนไปในทางเดียวกันกับสินทรัพย์ดิจิทัล ที่กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต มากกว่าเป็นเพียงสินทรัพย์ที่ซื้อขายเพื่อทำกำไร

ซึ่งการเชื่อมโลกสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีนี้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตของผู้คน สู่ไลฟ์สไตล์ที่ผสานโลกสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างลงตัวนั่นเอง..

*Freedom Card ดำเนินการโดยบริษัท ทีทูพี จำกัด
**บริษัทได้รับการสนับสนุนการให้รีวอร์ดจากบริษัท ฟรีดอมเวิร์ส จำกัด โดยได้รับข้อมูลจากบริษัท ทีทูพี จำกัดในการประมวลผล
***สื่อนี้ดำเนินการโดยบริษัท บิทาซซ่า จำกัด และบริษัท ฟรีดอมเวิร์ส จำกัดในฐานะเป็นพาร์ทเนอร์ทางการตลาดของบริษัท ทีทูพี จำกัดร่วมกับบริษัทแอลทีแมน จำกัด และเรียบเรียงเผยแพร่โดย บริษัท แอลทีแมน จำกัด

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้