Amazon ทำอย่างไร ให้เป็นเจ้าตลาด อุปกรณ์ Smart Home ในสหรัฐอเมริกา

Amazon ทำอย่างไร ให้เป็นเจ้าตลาด อุปกรณ์ Smart Home ในสหรัฐอเมริกา

11 ม.ค. 2023
Amazon ทำอย่างไร ให้เป็นเจ้าตลาด อุปกรณ์ Smart Home ในสหรัฐอเมริกา | BrandCase
ถ้าพูดถึง Google, Samsung และ Amazon หลาย ๆ คนก็น่าจะคุ้นเคยกับอุปกรณ์ Smart Home และบริการจาก 2 แบรนด์แรกมากกว่า
เนื่องจาก Amazon ไม่ค่อยได้เข้ามาทำการตลาดในไทยเท่าไรนัก
แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบัน Amazon คือเจ้าตลาดอุปกรณ์ Smart Home ในสหรัฐอเมริกา ที่มีมูลค่ามากถึง 3.8 ล้านล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 20%
โดย Amazon ครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 อยู่ที่ 11.5% ตามมาด้วย Google 6.5% และ Samsung 5.8%
โดยอุปกรณ์ Smart Home ที่ว่า ก็อย่างเช่น
ตัวช่วยสั่งการอัจฉริยะ เช่น Amazon Alexa, Google Assistant
รวมไปถึงพวกโคมไฟ หลอดไฟ หรือเครื่องใช้ในบ้าน ที่สั่งการเปิด-ปิดอัตโนมัติได้
แล้วทำไม Amazon ถึงเป็นเจ้าตลาด อุปกรณ์ Smart Home ในสหรัฐอเมริกา
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
Amazon เริ่มเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์ Smart Home เป็นครั้งแรก ด้วยการเปิดตัว Amazon Echo ลำโพงอัจฉริยะที่มาพร้อมกับ AI อย่าง Alexa ในปี 2014
Amazon Echo มีฟีเชอร์คล้ายคลึงกับ Siri หรือ Google assistant ด้วยฟีเชอร์อย่าง การเล่นเพลง, รายงานข่าวและสภาพอากาศ หรือตั้งนาฬิกาปลุก
แต่สิ่งที่ทำให้อุปกรณ์ Smart Home และ AI ของ Amazon แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ
คือ การเข้าใจ User experience ที่ต้องการความสะดวกสบาย เปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยส่วนตัว
ตั้งแต่ การควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นภายในบ้าน เช่น การหรี่ไฟ, ปิดน้ำ, ล็อกประตูบ้าน, สอนทำอาหาร ไปจนถึงการช่วยซื้อสินค้าเข้าบ้านผ่านช่องทางออนไลน์
Amazon ยังขยายอาณาจักรอุปกรณ์ Smart Home ชิ้นอื่น ๆ ด้วยการสร้างระบบนิเวศให้สมบูรณ์ขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการพัฒนาและซื้อบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายอื่น ๆ
อย่างเช่น
-Ring และ Blink บริษัทพัฒนากล้องรักษาความปลอดภัยรอบบ้าน
-Eero บริษัทพัฒนาเราเตอร์สำหรับขยายสัญญาณภายในบ้าน
การเข้าซื้อทั้งหมดนี้ ก็เพื่อขยายความหลากหลายของอุปกรณ์ อีกทั้งช่วยให้อุปกรณ์ Smart Home ทุกชิ้นภายในบ้าน สามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน Amazon มีอุปกรณ์มากกว่า 45 รายการ ตั้งแต่กริ่งประตูบ้าน ไปจนถึงเครื่องชงกาแฟ โดยทั้งหมดสามารถควบคุมผ่านลำโพง Amazon Echo
ปัจจัยต่อมา คือการเปิดให้ผู้พัฒนารายอื่น ๆ เข้ามาช่วยพัฒนาความสามารถของ AI
ทำให้ Alexa มีคำสั่งให้เลือกใช้งานมากถึง 2 แสนคำสั่ง และทำได้แม้กระทั่งสั่งพิซซา ไปจนถึงช็อปปิงออนไลน์ด้วยเสียง
ปัจจัยสุดท้ายคือ การยกระดับประสบการณ์การใช้งาน ของฐานลูกค้าเดิมจากทั้งตลาด E-commerce และ Whole foods
อย่างเช่น การทำให้การซื้อสินค้าเข้าบ้านง่ายขึ้น ด้วยการสั่งซื้อสินค้าผ่านเสียง
จะเห็นว่า Amazon เลือกที่จะใช้จุดเด่นของตัวเอง ในด้าน E-commerce มาต่อยอดเข้ากับอุปกรณ์ Smart Home ได้ ซึ่งตรงนี้คู่แข่งรายอื่นทำไม่ได้
รวมถึงอุปกรณ์ Smart Home ในระบบนิเวศของ Amazon ก็มีความหลากหลายมาก และตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานได้ดี
ทั้งหมดนี้ก็ทำให้อุปกรณ์ Smart Home ของ Amazon ขายดี
จนกลายเป็นอันดับ 1 ของตลาดสหรัฐอเมริกา นั่นเอง..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.