รู้จัก Dusita แบรนด์น้ำหอม เกิดในฝรั่งเศส เจ้าของเป็นคนไทย

รู้จัก Dusita แบรนด์น้ำหอม เกิดในฝรั่งเศส เจ้าของเป็นคนไทย

15 มิ.ย. 2023
รู้จัก Dusita แบรนด์น้ำหอม เกิดในฝรั่งเศส เจ้าของเป็นคนไทย | BrandCase
หลายปีที่ผ่านมา มีแบรนด์น้ำหอมไทยหลายแบรนด์ ที่ทำภาพลักษณ์และคุณภาพ ได้เทียบเท่าแบรนด์น้ำหอมดัง ๆ ระดับโลก
และมีหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจ ชื่อว่า “Dusita”
ความพิเศษคือ น้ำหอมแบรนด์นี้มีผู้ก่อตั้งเป็นคนไทย แต่ไปสร้างแบรนด์จนดัง ที่เมืองน้ำหอม อย่างฝรั่งเศส
เรื่องราวของ Dusita น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้อ่านกัน แบบเข้าใจง่าย ๆ
คนที่ก่อตั้งแบรนด์นี้ขึ้นมา คือ คุณพลอย-ภิสสรา อุมะวิชนี
คุณพลอยคนนี้คือคนที่มีความหลงใหลในน้ำหอมมาตั้งแต่เด็ก
เพราะคุณพ่อเคยทำงานที่ฝรั่งเศส และจะซื้อน้ำหอมกลับมาฝากคุณแม่ที่ไทยเป็นประจำ
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอมีโอกาสคลุกคลีกับน้ำหอมหลากหลายแบรนด์ และเริ่มสะสมน้ำหอม จนกลายเป็นงานอดิเรก
พอโตมาเธอก็ยิ่งหลงใหลในเรื่องน้ำหอมมากขึ้น
เริ่มลองผสมกลิ่นน้ำหอมเองเป็นประจำ จนรู้ว่าตัวเองอยากทำแบรนด์น้ำหอมเป็นของตัวเอง
หลังจากคุณพลอยเรียนจบปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เธอตั้งใจจะไปศึกษาต่อที่โรงเรียนทำน้ำหอมที่ฝรั่งเศส
แต่ประเด็นคือ สาขาวิชาที่คุณพลอยอยากเข้าเรียน ในหลายสถาบัน สงวนสิทธิ์ให้แค่กับคนฝรั่งเศสเรียนได้เท่านั้น ไม่เปิดรับคนต่างชาติ
คุณพลอยเลยตัดสินใจ ไปเรียนต่อปริญญาโทด้านแฟชั่นแทน แต่ก็ยังศึกษาเรื่องการผสมกลิ่นควบคู่กันไปด้วย
ไม่นานหลังจากศึกษาด้านแฟชั่น และฝึกผสมกลิ่นด้วยตัวเองที่ฝรั่งเศส
คุณพลอยก็ทำน้ำหอมกลิ่นของตัวเองขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และตั้งชื่อว่ากลิ่น “อิสระ”
โดยบอกว่า น้ำหอมกลิ่นนี้ ทำขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกตอนเดินเที่ยวป่าสนริมทะเล ที่จังหวัดกระบี่
พอได้เป็นกลิ่นแรกออกมา คุณพลอยลองนำกลิ่นนี้ ไปให้ผู้เชี่ยวชาญเจ้าของร้านน้ำหอมในฝรั่งเศสที่รู้จักกันลองดม แล้ววิจารณ์กลิ่นดู
ปรากฏว่าผู้เชี่ยวชาญคนนั้น บอกว่าเป็นกลิ่นที่ดี มีเอกลักษณ์ แปลก และไม่เหมือนใคร แถมยังแนะนำให้สร้างแบรนด์น้ำหอมขึ้นมา
คุณพลอยตัดสินใจสร้างแบรนด์น้ำหอม โดยจะใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงทุกอย่างจากฝรั่งเศส
แต่ในช่วงแรก เธอต้องพบกับอุปสรรคมากมาย เพราะพอเป็นคนต่างชาติไปทำแบรนด์น้ำหอม ที่เป็นเหมือน DNA ของคนฝรั่งเศส ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะช่วย
แต่คุณพลอยก็แก้เกมเรื่องนี้ ด้วยการไปโน้มน้าวคนสำคัญคนหนึ่งมา ชื่อว่าคุณ Michel Chevalier
คุณ Michel Chevalier คนนี้ เคยเป็นอาจารย์สอนเรื่องศาสตร์ของน้ำหอม แถมยังมีประสบการณ์การทำงานด้านน้ำหอมให้แบรนด์ดัง ๆ อย่างเช่น Christian Dior
ซึ่งด้วยประสบการณ์ และสัญชาติฝรั่งเศสของคุณ Michel Chevalier ก็ทำให้การสร้างและพัฒนาแบรนด์หลังจากนั้น ทำได้ง่ายขึ้นมาก
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว “Dusita” จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2016 โดยมีหน้าร้านอยู่ใจกลางเมืองปารีส
ซึ่งชื่อแบรนด์นี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากสวรรค์ชั้นดุสิต
และยังตรงกับคอนเซปต์ที่เธอตั้งใจไว้ว่า จะให้เป็นแบรนด์แห่ง “ความสุข”
ที่น่าสนใจคือ แบรนด์ Dusita ยังได้เปิดตัวให้หลาย ๆ ประเทศได้รู้จัก ที่งานนิทรรศการน้ำหอมที่เมืองมิลานประเทศอิตาลี
ด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ก็ทำให้คนในงานและสื่อ ให้ความสนใจกับแบรนด์ Dusita มากขึ้น
ในปีแรกที่เปิดตัว Dusita ได้รับรางวัล The Scents of Excellent ที่เมืองมิลาน ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะแบรนด์น้องใหม่
และมีเรื่องที่น่าสนใจในวิกฤติโรคระบาด ที่ทางแบรนด์ต้องปรับตัว โดยเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นการขายแบบออนไลน์อย่างเต็มตัว
โดย Dusita เลือกใช้กลยุทธ์ “ไม่ลด แต่แถม”
โดยจะแถมเป็น Discovery Set คือเมื่อลูกค้าซื้อน้ำหอมกลิ่นหนึ่งไป ก็จะแถมเป็นอีกกลิ่น
ทำให้ลูกค้าได้ลองกลิ่นใหม่ ๆ และกลับมาซื้อซ้ำเรื่อย ๆ
ซึ่งทางแบรนด์ก็เคลมว่า ทำให้ยอดขายทางออนไลน์เพิ่มขึ้นมาก
และปัจจุบัน Dusita กลายเป็นแบรนด์น้ำหอม ที่รู้จักกันไปทั่วยุโรปและในไทย
แถมยังขยายตลาดไปในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก อีกหลายที่
จากเรื่องนี้เราเห็นอะไร ?
-คุณพลอยเจ้าของ Dusita อินมาก ๆ กับการทำน้ำหอม
เธอคุ้นเคยและชื่นชอบเรื่องกลิ่นและน้ำหอมมาตั้งแต่เด็ก จนเกิดเป็นความหลงใหล
จากนั้นก็ตั้งใจศึกษาอย่างลงลึก และเริ่มลงมือทำกลิ่นด้วยตัวเองมาเรื่อย ๆ
ซึ่งนี่คือจุดสำคัญมากของการสร้างแบรนด์ คือตัวเจ้าของแบรนด์เอง ต้องรู้ลึก รู้จริง เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองทำ
-การทำธุรกิจให้ไปข้างหน้าได้ บางทีก็ต้องการผู้ช่วยที่ดี ที่มีคอนเน็กชัน
อย่างเช่น ตอนที่เริ่มทำแบรนด์น้ำหอม Dusita ในฝรั่งเศส แล้วเจอปัญหาคุยกับคู่ค้ายาก คุณพลอยเลยไปดึงผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนฝรั่งเศส อย่างคุณ Michel Chevalier มาช่วย แล้วจึงทำธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น
-กลยุทธ์ ไม่ลดแต่แถม ก็น่าสนใจนำไปปรับใช้กับหลายธุรกิจได้
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ Dusita
แบรนด์น้ำหอมที่เกิดในฝรั่งเศส แต่มีเจ้าของเป็นคนไทย นั่นเอง..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.