แอป Shazam รู้ชื่อเพลง ที่เราเปิดให้ฟัง ได้อย่างไร

แอป Shazam รู้ชื่อเพลง ที่เราเปิดให้ฟัง ได้อย่างไร

20 เม.ย. 2023
แอป Shazam รู้ชื่อเพลง ที่เราเปิดให้ฟัง ได้อย่างไร | BrandCase
Shazam คือแอปพลิเคชันที่ทำขึ้นมาเพื่อแก้ Pain Point ของหลายคน ที่เวลาได้ยินเพลงอะไรขึ้นมา แล้วรู้สึกชอบ แต่ไม่รู้ว่าชื่อเพลงอะไร ไม่รู้ว่าจะไปพิมพ์ค้นหาว่าอะไร หรือไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน
เพียงแค่เราเปิดแอปพลิเคชัน Shazam ขึ้นมา แล้วกด Listen หรือ ฟัง
แอปพลิเคชันก็จะช่วยหาชื่อเพลงเพลงนั้นให้เราได้ทันที
แต่เคยสงสัยไหมว่า แอปพลิเคชันอย่าง Shazam รู้ชื่อเพลงที่เราเปิดให้ฟัง ได้อย่างไร ?
BrandCase จะสรุปให้อ่านกัน แบบเข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นของการแก้ Pain Point เรื่องที่ว่านี้ มีมาตั้งแต่ปี 1999 แล้ว และก็มีหลายคนที่พยายามจะแก้ไขปัญหานี้ แต่ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขนาดนี้
สมัยก่อน ถ้าเราอยากรู้ว่าคลื่นวิทยุที่ฟัง เปิดเพลงอะไร เราอาจจะใช้วิธีจดบันทึกเวลาของคลื่นนั้นไว้ แล้วค่อยมาถามทีหลัง
แต่ผู้ก่อตั้งของ Shazam ดันเกิดไอเดียว่า แล้วถ้าวันหนึ่งมีคนสามารถนำโทรศัพท์มือถือมาฟังเพลง แล้วสามารถบอกได้เลยว่าเพลงเพลงนั้น ชื่อเพลงอะไร มันจะดีขนาดไหน
แล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของ แอปพลิเคชัน Shazam ที่เราคุ้นเคย
โดยที่น่าสนใจคือ ทางผู้ก่อตั้งก็ได้ลองตั้งคำถามว่า
แล้วถ้าเราจะสามารถระบุข้อมูลของเพลงนั้น ๆ ให้ออกมาเป็นข้อมูลเฉพาะตัว จะสามารถทำมันได้อย่างไร ?
และความคิดนี้ก็นำมาสู่ เทคโนโลยีพิเศษของ Shazam ที่สามารถระบุตัวตนของเพลงได้
โดยการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Audio Fingerprint หรือที่เรียกว่า “ลายพิมพ์เสียง”
อธิบาย Audio Fingerprint ก็คือ ลายพิมพ์ของข้อมูลมัลติมีเดีย ซึ่งลายพิมพ์นี้จะสามารถระบุถึงเนื้อหาของมัลติมีเดียได้
คล้าย ๆ กับลายนิ้วมือของเรา ที่ถูกบันทึกเก็บไว้ในระบบ และเพียงแค่สแกนตัวลายพิมพ์ ก็สามารถจับเข้าถึงกับข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ ได้ทันที
และมันไม่ได้ใช้ได้กับแค่เสียงเพลงเท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึง รายการทีวี มิวสิกวิดีโอ โฆษณา และภาพยนตร์ต่าง ๆ ด้วย
โดยวิธีการของ Shazam ก็คือ
พวกเขาจะนำเพลงต่าง ๆ ที่มีอยู่กว่า 15,000 ล้านเพลง รวมถึงรายการคอนเทนต์ต่าง ๆ มาแปลงเป็น Audio Fingerprint แล้วเก็บเอาไว้ในฐานข้อมูล
โดยอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องใช้ก็มีแค่เพียงไมโครโฟน กับตัวแอปพลิเคชันเท่านั้น
จากนั้นกดปุ่ม “ฟัง” ระบบก็จะนำข้อมูลที่ฟังมาแปลงเป็น Audio Fingerprint แล้วก็มาจับคู่กับฐานข้อมูลในระบบ ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไร
แต่ต้องบอกก่อนว่า ตัว Shazam ก็ใช่ว่าจะมีเพลงครบทุกเพลง เพราะเพลงไหนที่ทางบริษัทไม่ได้บันทึกไว้ในฐานข้อมูล ก็จะไม่สามารถให้คำตอบได้
หรือหากว่า มีเสียงดังรบกวนระหว่างฟังมากเกินไป ก็จะทำให้ไม่สามารถบอกชื่อเพลงได้เช่นกัน
ที่น่าสนใจคือ ในปี 2018 Shazam ไปเตะตาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple และก็ได้ถูก Apple ซื้อไปด้วยมูลค่ากว่า 13,700 ล้านบาท
ทำให้ปัจจุบัน เจ้าของ Shazam ก็คือ Apple เจ้าของ iPhone, iPad, MacBook ที่เราคุ้นเคยกัน นั่นเอง..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.