กรณีศึกษา Porsche และ Lamborghini ขายรถ SUV ได้มากกว่า รถสปอร์ต

กรณีศึกษา Porsche และ Lamborghini ขายรถ SUV ได้มากกว่า รถสปอร์ต

27 พ.ย. 2022
กรณีศึกษา Porsche และ Lamborghini ขายรถ SUV ได้มากกว่า รถสปอร์ต | BrandCase
หากพูดถึงแบรนด์รถสปอร์ต หลายคนน่าจะนึกถึงแบรนด์อย่าง Porsche, Lamborghini หรือ Ferrari และมีภาพจำเป็น รถ 2 ที่นั่ง ซึ่งมาพร้อมกับดิไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และโดดเด่นกว่ารถทั่วไป
แต่รู้หรือไม่ว่า แบรนด์รถสปอร์ตอย่าง Porsche และ Lamborghini ในตอนนี้ มีสัดส่วนยอดขายรถ SUV มากกว่ารถสปอร์ตเสียอีก
ในขณะที่ Ferrari เองก็กำลังจะวางจำหน่ายรถ SUV ของตัวเองในปีหน้า
แล้วทำไมแบรนด์รถสปอร์ตเหล่านี้ ถึงหันมาผลิตรถ SUV ของตัวเอง ?
BrandCase จะสรุปให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
แม้ว่า บริษัทรถสปอร์ตจะมีกำไรต่อคันมากกว่า เมื่อเทียบกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ แต่ปัญหาสำคัญของผู้ผลิตรถสปอร์ต คือ รถสปอร์ตเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche market
เพราะฐานลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อ มักจะเป็นลูกค้าเพศชาย ที่ชื่นชอบการแข่งขันความเร็ว และดิไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงต้องการรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง
แต่การขับรถสปอร์ตก็ต้องแลกมาด้วยข้อจำกัดบางอย่าง
เช่น ที่นั่งซึ่งมีเพียง 2 ที่นั่ง, ช่องเก็บของที่มีอย่างจำกัด และอาจจะไม่สะดวกมากนัก หากจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หรือใช้เป็นยานพาหนะหลักเมื่อมีครอบครัว
ในขณะที่รถ SUV ในตอนแรกนั้นถูกออกแบบมา เพื่อเป็นรถ Off Road ก่อนจะค่อย ๆ ถูกพัฒนามาเป็นรถสไตล์ครอบครัวในภายหลัง
เพราะด้วย ที่นั่งระหว่าง 5-7 ที่นั่ง และยังมีพื้นที่สำหรับใส่ของจำนวนมาก จึงตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า
ที่สำคัญคือ ฐานลูกค้าของรถ SUV ยังมีมากกว่ารถสปอร์ต เพราะแม้แต่ลูกค้ากลุ่มผู้หญิง หรือผู้ชายที่มีครอบครัวแล้ว ก็มักจะใช้รถ SUV เป็นหลัก
อ้างอิงจากเว็บไซต์ IEA ความต้องการของรถ SUV ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับยอดขายรถยนต์ทุกประเภททั่วโลก ในระหว่าง 10 ปีที่ผ่านมา
ปี 2011 มีส่วนแบ่งการตลาด 18.6 %
ปี 2016 มีส่วนแบ่งการตลาด 31.6 %
ปี 2021 มีส่วนแบ่งการตลาด 45.9 %
ด้วยเหตุนี้เอง แบรนด์รถหรูจึงเข้ามาแย่งส่วนแบ่งรถ SUV โดยเจ้าแรก ๆ ที่เริ่มวางจำหน่ายรถ SUV เป็นของตัวเอง คือ Porsche ด้วยโมเดล Cayenne ในปี 2002
ที่แม้ว่าในช่วงแรกของการเปิดตัว กระแสตอบรับจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ทั้งจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า Porsche กำลังทำลายคุณค่าของแบรนด์ตัวเอง
ในขณะที่อีกกลุ่ม กลับต้องการรถ SUV เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังอยากได้ ดิไซน์ภายในรถที่หรูหรา รวมถึงเครื่องยนต์แบบสมรรถนะดี ไม่แพ้รถสปอร์ต
ปัจจุบันเมื่อสิ้นปี 2021 Porsche ขายรถได้มากถึง 301,915 คัน โดยที่ยอดขายกว่าครึ่งหนึ่ง มาจากรถ SUV อย่างโมเดล Macan ที่ 29% และโมเดล Cayenne ที่ 28%
ในขณะที่แบรนด์คู่แข่งอย่าง Lamborghini เองก็หันมาวางจำหน่ายรถ SUV ของตัวเองในปี 2017 ด้วยโมเดล Urus
แม้ว่าในปีแรกจะสามารถขายได้เพียงแค่ 121 คัน
แต่เมื่อสิ้นปี 2021 ที่ผ่านมา Lamborghini เองก็ขายรถ SUV ได้มากถึง 5,021 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 60% เมื่อเทียบกับยอดขายรถทั้งปีที่ 8,405 คัน
แต่ก็ต้องหมายเหตุด้วยว่า แม้จำนวนยอดขายรถ SUV ของทั้ง Porsche และ Lamborghini จะมากกว่ารถสปอร์ต
แต่รายได้จากการขายรถสปอร์ตของทั้งสองแบรนด์อาจจะทำได้ดีกว่า เพราะรถสปอร์ตบางรุ่น ตั้งราคาขายได้สูงมาก
และก็มีผู้ผลิตรถสปอร์ตอีกรายอย่าง Ferrari ที่ไม่เห็นด้วยกับการผลิตรถ SUV มาโดยตลอด
โดยที่อดีต CEO ของ Ferrari อย่างคุณ Sergio Marchionne ก็ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ต้องยิงผมทิ้งเสียก่อน ถ้าจะให้ Ferrari ผลิตรถ SUV”
ก็ยังต้องกลับลำมาผลิตรถ SUV ด้วยชื่อโมเดล Purosangue ที่จะวางจำหน่ายในปี 2023
แม้ว่าแบรนด์รถเหล่านี้จะมีภาพจำเป็นรถสปอร์ต
แต่ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งไม่ได้ต้องการเพียงแค่ความหรูหรา หรือสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเพียงอย่างเดียว
แต่ยังต้องการความคล่องตัว ความยืดหยุ่น ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น เป็นรถสำหรับครอบครัวได้ แบรนด์เหล่านี้ จึงขายรถ SUV ได้มากขึ้น
ทุกวันนี้ เราเลยเห็นรถ SUV ของแบรนด์รถสปอร์ตเหล่านี้ อย่าง Porsche และ Lamborghini มากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.