“ว่าแล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้” หรือ “รู้อยู่แล้วว่าโครงการนี้จะไปไม่รอด ไม่น่าทำเลย” เชื่อว่าหลาย ๆ คงคุ้นเคยกับคำคำนี้ ไม่ว่าเราจะเคยพูดเอง หรือเคยมีคนมาพูดกับเรา แต่คำถามคือ ถ้าเรารู้จริง ๆ ว่าผลลัพธ์จะเกิดขึ้นแบบไหน ทำไมเราถึงตัดสินใจพลาด หรือปล่อยให้ผลลัพธ์เป็นแบบเดิม ? หรือว่าจริง ๆ แล้ว เราไม่ได้รู้จุดจบของเหตุการณ์ล่วงหน้านั้นเลย แล้วอะไรทำให้เรารู้สึกแบบนั้น ?
รู้งี้ ก่อนหน้านี้ซื้อหุ้นไว้เยอะ ๆ ก็รวยแล้ว รู้งี้ นั่งรถไฟฟ้าดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลารถติด รู้งี้ ซื้อเครื่องสำอางวันนั้นก็ดี ได้ของแถมด้วย นี่เป็นเพียงตัวอย่างการใช้คำว่า “รู้งี้” ที่กลายเป็นคำพูดติดปากของใครหลายคนไปแล้ว “รู้งี้” เป็นคำพูดแก้เขินที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเกิดขึ้นได้ในหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น การเรียน การทำงาน หรือการดำเนินชีวิตประจำวัน หลายคนมักจะพูด “รู้งี้” เพื่อสื่ออารมณ์ประมาณว่า “เรื่องแค่นี้ แต่ทำไมเราถึงมองไม่ออก” สะท้อนถึงความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เลือกทำพฤติกรรม หรือเลือกเส้นทาง ไปยังเหตุการณ์หรือผลลัพธ์ที่เรารู้และเข้าใจว่าจะเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว คำถามก็คือ ถ้าเรารู้ผลลัพธ์ปลายทางนั้นอยู่แล้ว.. ทำไมเราถึง “มองไม่ออก” ว่าควรจะเลือกอะไร หรือว่าจริง ๆ แล้วเราเองอาจจะไม่ได้รู้ผลลัพธ์หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นเลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น.. แล้วอะไรอยู่เบื้องหลังคำพูดติดปาก “รู้งี้” ?