
เจาะ 3 อินไซต์ธุรกิจสุขภาพ ที่กำลังกำหนดอนาคตอุตสาหกรรม จาก Innobic (Asia)
4 ธ.ค. 2025
เมื่อ “งานวิจัยดี ๆ” ไม่ควรถูกเก็บไว้บนหิ้ง แต่ควรกลายเป็น “ผลิตภัณฑ์จริง” ที่ช่วยให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า นี่คือโจทย์ที่ Innobic (Asia) กำลังลงมือทำ และเป็นกรณีศึกษาที่ธุรกิจไทยสามารถนำไปต่อยอดได้อีกเยอะ
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา Innobic (Asia) บริษัทที่ทำธุรกิจด้านอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ (Life Science) ในเครือ ปตท. ได้จัดงาน Innobic : Life Science Business Excellent Move Forum
ภายในงานมีประเด็นเกี่ยวกับการทำธุรกิจสุขภาพและกลยุทธ์ในการทำธุรกิจที่น่าสนใจ
และสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจอื่น ๆ ได้อีกเยอะ
และสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจอื่น ๆ ได้อีกเยอะ
ซึ่ง BrandCase สรุปออกมาเป็น 3 ข้อ ที่คนทำธุรกิจควรรู้ ได้แก่

1. ธุรกิจสุขภาพจะโตได้ ต้องเริ่มจาก “โจทย์สังคม” ไม่ใช่ “สินค้า”
ภายในงาน ผู้บริหารของ Innobic (Asia) ย้ำหลักในการทำธุรกิจเพื่อสุขภาพเอาไว้ว่า “การทำธุรกิจ Life Science ไม่ใช่การขายแค่ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว แต่คือการแก้ปัญหาระดับประเทศ”
ก่อนอื่นต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า Innobic (Asia) คือบริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเข้าสู่ธุรกิจ Life Science อย่างเต็มตัว
ในวันที่การพึ่งพาน้ำมันอาจไม่ใช่อนาคตของประเทศ ปตท. จึงต้องการสร้าง New S-Curve ใหม่ในธุรกิจที่ตอบอนาคตมนุษย์มากกว่า
ถ้าถามต่อว่าทำไมต้องเป็นธุรกิจ Life Science ?
ก็ต้องบอกว่า ธุรกิจ Life Science ของ Innobic (Asia) ไม่ได้เกิดขึ้นมา เพราะอยากทำแค่อย่างเดียว
แต่เกิดจากโจทย์ประเทศชาติ ที่ต้องการ New S-Curve เพื่อหนีจากกับดักรายได้ปานกลาง
แต่เกิดจากโจทย์ประเทศชาติ ที่ต้องการ New S-Curve เพื่อหนีจากกับดักรายได้ปานกลาง
และเมื่อมองไปที่ 12 New S-Curve ที่รัฐบาลกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2560 ก็พบว่า 4 ใน 12 ตัว เกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ทั้งนั้น
ในขณะเดียวกัน ก็มีเมกะเทรนด์ที่ชัดเจน 3 ตัวกำลังเกิดขึ้นจริง ได้แก่
- สังคมผู้สูงอายุ คนไทยกำลังแก่ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
- ค่ารักษาพยาบาลพุ่ง รัฐบาลแบกรับต้นทุนด้านสุขภาพที่สูงขึ้นทุกปี
- คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหลังโควิด ทุกคนอยากดูแลตัวเองเชิงป้องกัน
- ค่ารักษาพยาบาลพุ่ง รัฐบาลแบกรับต้นทุนด้านสุขภาพที่สูงขึ้นทุกปี
- คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหลังโควิด ทุกคนอยากดูแลตัวเองเชิงป้องกัน
จากเหตุผลทั้งหมดนี้ ทำให้ ปตท. เลือกที่จะสร้าง New S-Curve ใหม่ด้วยการทำธุรกิจ Life Science อย่างเต็มตัว
ปัจจุบัน Innobic (Asia) แบ่งธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ครบวงจร ได้แก่
- Pharma ยาสำหรับ NCDs และโรคสำคัญ เช่น เบาหวาน, มะเร็ง, หัวใจ
- Nutrition อาหารเสริมและนวัตกรรมโภชนาการ
- Investment การลงทุนในบริษัท Life Science ระดับภูมิภาค เช่น Lotus Pharmaceutical
- Tech & Innovation งานวิจัยใหม่ เช่น โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย
- Nutrition อาหารเสริมและนวัตกรรมโภชนาการ
- Investment การลงทุนในบริษัท Life Science ระดับภูมิภาค เช่น Lotus Pharmaceutical
- Tech & Innovation งานวิจัยใหม่ เช่น โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย

2. ธุรกิจไหนที่ทำได้ “ง่ายกว่า เร็วกว่า ดีกว่า” คือข้อได้เปรียบ
กลยุทธ์หลัก Access to Excellent Life ที่มีความหมายว่า “นวัตกรรมที่ทำให้ผู้คนได้เข้าถึงและมีจุดเริ่มต้นสู่ชีวิตที่ดียิ่งกว่า” คือวิสัยทัศน์ใหม่ที่ Innobic ใช้เป็นแกนขับเคลื่อนธุรกิจ
แต่การที่คนไทยจะมีชีวิตที่ดีได้นั้น ต้องเกิดจาก 3 สิ่ง ได้แก่
- ง่ายกว่า (Easier Access)
คนไทยต้องเข้าถึงนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพได้ง่ายขึ้น ในราคาที่จ่ายได้ ไม่ใช่แค่คนมีเงินเท่านั้นที่จะมีสุขภาพดีได้
คนไทยต้องเข้าถึงนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ทางสุขภาพได้ง่ายขึ้น ในราคาที่จ่ายได้ ไม่ใช่แค่คนมีเงินเท่านั้นที่จะมีสุขภาพดีได้
- เร็วกว่า (Faster / Speed to Market)
เมื่อมีโรคระบาดหรือภัยสุขภาพใหม่ ๆ เกิดขึ้น เราต้องมีความเร็วในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดให้ทันเหตุการณ์ ดังนั้นกุญแจสำคัญคือ การหา Excellent Partner มาเป็นทางลัด ไม่ใช่ทำทุกอย่างเองจนช้า
เมื่อมีโรคระบาดหรือภัยสุขภาพใหม่ ๆ เกิดขึ้น เราต้องมีความเร็วในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดให้ทันเหตุการณ์ ดังนั้นกุญแจสำคัญคือ การหา Excellent Partner มาเป็นทางลัด ไม่ใช่ทำทุกอย่างเองจนช้า
- ดีกว่า (Better Innovation)
Innobic (Asia) ไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้ผลิต แต่อยากเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนวัตกรรมที่ดีที่สุด ให้ถึงมือประชาชน เพื่อให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูงกว่าที่เคยมี
Innobic (Asia) ไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้ผลิต แต่อยากเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนวัตกรรมที่ดีที่สุด ให้ถึงมือประชาชน เพื่อให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูงกว่าที่เคยมี

3. ไม่ต้องทำเองทุกอย่าง แต่ใช้วิธีจับมือกับคนที่เก่งแต่ละด้านแทน
วิธีปิด Gap งานวิจัยที่ดีให้จับต้องได้ ด้วยกลยุทธ์ Partnership & Ecosystem เชื่อมต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ
สิ่งที่ทำให้ Innobic (Asia) แตกต่างจากหลาย ๆ บริษัทคือ การไม่ทำทุกอย่างเอง แต่เลือกใช้ Open Innovation Platform ด้วยการเชื่อมโยงพันธมิตรที่เก่งที่สุดในแต่ละด้านมารวมกัน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้งานวิจัยที่เคยขึ้นหิ้ง ถูกนำมาทำให้เป็นสินค้าที่ขายได้จริง ๆ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด ๆ เช่น
- ต้นน้ำ (R&D / Innovation)
การร่วมมือกับ วว. (สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย) ซึ่งก่อนหน้านี้ วว. มีงานวิจัยดี ๆ เยอะมาก แต่ส่วนใหญ่มักติดขัดในการนำออกสู่เชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่ตรงโจทย์ตลาด หรือขาดการยอมรับ
ดังนั้น Innobic (Asia) เลยเข้ามาจับมือกับ วว. และนำงานวิจัยที่เจ๋ง ๆ หลายงาน ออกสู่เชิงพาณิชย์ให้เร็วขึ้น
เช่น โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่เหมาะกับวิถีชีวิตคนไทย ที่ชอบทานอาหารเผ็ดร้อน เครื่องเทศสูง โดยเฉพาะตัวที่ช่วยลดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นภัยเงียบต่อคนไทยและมีค่ารักษาพยาบาลที่สูงมาก
เช่น โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่เหมาะกับวิถีชีวิตคนไทย ที่ชอบทานอาหารเผ็ดร้อน เครื่องเทศสูง โดยเฉพาะตัวที่ช่วยลดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นภัยเงียบต่อคนไทยและมีค่ารักษาพยาบาลที่สูงมาก
- กลางน้ำ-ปลายน้ำ (Production / Commercialization)
บางครั้งการมีงานวิจัยดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีโรงงานผลิตมาตรฐานสูงและช่องทางจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง
ซึ่งฝั่ง T.MAN Pharmaceutical เอง ก็มีโรงงานที่ได้มาตรฐานและมีเครือข่ายจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งร้านขายยา คลินิก โรงพยาบาล รวมกว่า 7,000-10,000 แห่ง
ซึ่งฝั่ง T.MAN Pharmaceutical เอง ก็มีโรงงานที่ได้มาตรฐานและมีเครือข่ายจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งร้านขายยา คลินิก โรงพยาบาล รวมกว่า 7,000-10,000 แห่ง
การร่วมมือกับ T.MAN Pharmaceutical จะช่วยให้ Innobic (Asia) สามารถ Scale Up งานวิจัยให้เป็นการผลิตเชิงพาณิชย์ที่มีคุณภาพเทียบเท่ายาต่างประเทศได้ รวมถึงช่องทางกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและในราคาที่เข้าถึงได้

- นอกจากนี้ Innobic (Asia) ยังมีการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระดับโลกกับ Lotus Pharmaceutical ของไต้หวันและ Daewoong Pharmaceutical ของเกาหลี
ซึ่งการที่ Innobic (Asia) เลือกลงทุนใน Lotus Pharmaceutical จึงไม่ใช่แค่พันธมิตรด้านเงินทุน แต่เป็นพาร์ตเนอร์ที่ยกระดับศักยภาพให้ Innobic (Asia) แบบก้าวกระโดด
ด้วยพอร์ตยามากกว่า 250 โมเลกุล เครือข่ายตลาด 18-19 ประเทศ ความเชี่ยวชาญด้านยามะเร็งและ First Generic รวมถึงความได้เปรียบด้าน Speed to Market เพราะไม่ต้องเริ่มกระบวนการขึ้นทะเบียนยาใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น

ส่วนความร่วมมือกับ Daewoong Pharmaceutical ทำให้ Innobic สามารถนำเข้ายาเบาหวานกลุ่มใหม่ SGLT2 Inhibitor ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน
จากที่เล่ามาจะเห็นได้ว่า Innobic (Asia) ไม่ได้สร้างทุกอย่างเอง แต่เลือกเป็นตัวเร่งที่ทำให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กลายเป็นผลิตภัณฑ์จริงได้เร็วขึ้น
ซึ่งสิ่งสำคัญที่ธุรกิจอื่นเรียนรู้ได้จากกรณีนี้คือ ในบางธุรกิจ การเติบโตแบบ Ecosystem อาจทำให้ธุรกิจไปได้ไกลและเติบโตได้เร็ว กว่าการทำธุรกิจแบบ Single Player
สุดท้ายเรื่องทั้งหมดนี้ กำลังบอกเราได้ว่า Innobic (Asia) ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทย่อยของ ปตท. แต่คือ โมเดลใหม่ของการปิดช่องว่างระหว่างงานวิจัยที่ดี และตลาดที่พร้อมใช้งานจริง
มากไปกว่านั้น Innobic (Asia) ยังได้แสดงให้เห็นว่า นวัตกรรมไทยสามารถไปถึงระดับภูมิภาคได้ ถ้าเรามีโครงสร้าง ความร่วมมือ และเป้าหมายที่ชัดเจนพอ
ซึ่งนี่คือหนึ่งในเคสธุรกิจไทยที่น่าติดตามที่สุดในวันนี้ และอาจเป็นต้นแบบของ New S-Curve ยุคใหม่ที่หลายองค์กรควรศึกษาอย่างจริงจัง..