
ถ้าคิดจะทำ สงครามราคา ธุรกิจต้อง มีไพ่อะไรในมือ ถึงจะได้เปรียบ
10 มิ.ย. 2025
ช่วงนี้ เราอาจได้เห็นเคสสงครามราคาบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่งด่วน Express จากซีรีส์ดัง ไปจนถึงธุรกิจร้านอาหาร สุกี้บุฟเฟต์
แล้วถ้าหากคิดจะทำสงครามราคา ธุรกิจเหล่านี้ ต้องมีไพ่อะไรอยู่ในมือบ้าง ถึงจะได้เปรียบคู่แข่ง
BrandCase ชวนมาวิเคราะห์กันในมุมธุรกิจ..
BrandCase ชวนมาวิเคราะห์กันในมุมธุรกิจ..
- ไพ่ใบที่ 1 : แหล่งเงินทุนที่ชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจส่งด่วน ธุรกิจผลิตสินค้า ไปจนถึงธุรกิจเชนร้านอาหารต่าง ๆ
ธุรกิจเหล่านี้ จะเริ่มทำสงครามราคาได้ ต้องมีเงินลงทุนในเครื่องจักร หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าและบริการถูกลง
อย่างเช่น
- ธุรกิจผลิตสินค้า อย่าง ICHITAN หรือ โอสถสภาเจ้าของ M-150
ที่สามารถผลิตเครื่องดื่มขายขวดละ 10-15 บาทได้ ก็ต้องมีเงินลงทุนในเครื่องจักร และระบบอัตโนมัติต่าง ๆ
- ธุรกิจผลิตสินค้า อย่าง ICHITAN หรือ โอสถสภาเจ้าของ M-150
ที่สามารถผลิตเครื่องดื่มขายขวดละ 10-15 บาทได้ ก็ต้องมีเงินลงทุนในเครื่องจักร และระบบอัตโนมัติต่าง ๆ
- ธุรกิจส่งด่วน ก็ต้องแข่งกันลงทุนในเครื่องจักรขนส่งพัสดุ คลังสินค้า หน้าร้านสาขา ไปจนถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ
ซึ่งหากคิดจะทำสงครามราคา ไม่ว่าจะธุรกิจใด ๆ
ก็จำเป็นต้องมีความสามารถ ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจำนวนมากให้ได้
ก็จำเป็นต้องมีความสามารถ ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจำนวนมากให้ได้
ซึ่งแหล่งเงินทุนนั้น ก็อย่างเช่น การกู้ยืมเงินธนาคาร หรือ การเพิ่มทุน ให้กับนักลงทุนรายอื่นเอาเงินทุนมาให้หมุนในธุรกิจ
_______________________
_______________________
- ไพ่ใบที่ 2 : Utilization Rate ของธุรกิจต้องอยู่ในระดับสูง และต้องเกิด Economies of Scale ให้ได้
Utilization Rate = อัตรากำลังในการผลิตสินค้าและการให้บริการต่าง ๆ
ยิ่ง Utilization Rate สูงมากเท่าไร Fixed Cost หรือต้นทุนคงที่ต่อหน่วยการผลิต ก็จะยิ่งต่ำ
ยกตัวอย่างเช่น
- โรงงานผลิตสินค้า ที่มีต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรในสายพานการผลิต ที่ไม่ว่าจะผลิตมากผลิตน้อยก็ตัดค่าเสื่อมเท่าเดิมอยู่ดี
หากสามารถผลิตชิ้นงานได้เต็มกำลังการผลิต 100% ต้นทุนคงที่ต่อชิ้น ก็จะถูกเฉลี่ยให้น้อยลง กว่าการใช้กำลังการผลิตแค่ 50% แน่นอน
- หรือธุรกิจร้านอาหาร ที่มีต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน ที่ไม่ว่าลูกค้าจะเยอะหรือน้อยก็ต้องจ่ายเท่าเดิม
ถ้าเป็นร้านที่คนเข้ามานั่งในร้านเต็มตลอดเวลา ต้นทุนคงที่ในการให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน ก็จะถูกเฉลี่ยให้น้อยลง กว่าการที่คนนั่งไม่เต็มร้านแน่นอน
ซึ่งช่วงการผลิตที่ยิ่งผลิตหรือให้บริการมากเท่าไร ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยยิ่งลดน้อยลง ก็คือจุดที่เรียกว่าการเกิดการประหยัดต่อขนาด หรือ Economies of Scale นั่นเอง..
_______________________
_______________________
- ไพ่ใบที่ 3 : ต้องมี Intangible Asset ที่มีประสิทธิภาพ
Intangible Asset = สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ อย่างเช่น ข้อมูลของลูกค้าหรือเทคโนโลยี
โดยสิ่งเหล่านี้ เราสามารถนำมาบริหารธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ หรือบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น
Intangible Asset = สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ อย่างเช่น ข้อมูลของลูกค้าหรือเทคโนโลยี
โดยสิ่งเหล่านี้ เราสามารถนำมาบริหารธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ หรือบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น
ตัวอย่างเช่น
- มีข้อมูลลูกค้า ที่ทำให้รู้ว่า ร้านอาหารแต่ละสาขา ลูกค้าชอบกินอะไรที่สุด ร้านบุฟเฟต์ร้านนี้ในแต่ละวันเทิร์นรอบการให้บริการได้ประมาณกี่รอบ
- มีข้อมูลลูกค้า ที่ทำให้รู้ว่า ร้านอาหารแต่ละสาขา ลูกค้าชอบกินอะไรที่สุด ร้านบุฟเฟต์ร้านนี้ในแต่ละวันเทิร์นรอบการให้บริการได้ประมาณกี่รอบ
ข้อมูลพวกนี้ ทำให้ธุรกิจสามารถสต๊อกวัตถุดิบได้อย่างแม่นยำ และทำการตลาดไปยังลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
- เทคโนโลยีที่ช่วยเสริมประสบการณ์การบริการได้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ระบบ QR Code สำหรับสั่งอาหารด้วยตัวเอง
หรือระบบแทร็กสินค้าที่อยู่ระหว่างการจัดส่งแบบ Real-time ได้อย่างแม่นยำ
_______________________
หรือระบบแทร็กสินค้าที่อยู่ระหว่างการจัดส่งแบบ Real-time ได้อย่างแม่นยำ
_______________________
- ไพ่ใบที่ 4 : อำนาจต่อรองกับคู่ค้า ซัปพลายเออร์
ยิ่งมีอำนาจต่อรอง ในเรื่องปริมาณการสั่งซื้อและต้นทุนต่อหน่วย กับคู่ค้าหรือซัปพลายเออร์ได้เยอะ
ก็ยิ่งสามารถตัดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่งได้ โดยธุรกิจยังเหลือกำไรอยู่
ก็ยิ่งสามารถตัดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่งได้ โดยธุรกิจยังเหลือกำไรอยู่
นอกจากในเรื่องราคาแล้ว ธุรกิจที่มีอำนาจต่อรองสูง
ยังสามารถยืดระยะเวลาในการจ่ายเงิน หรือได้เครดิตเทอมจากคู่ค้านานขึ้น
ทำให้มีเวลาในการนำเงินที่เก็บได้จากลูกค้า ไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจ ก่อนจะนำไปจ่ายคู่ค้า
ยังสามารถยืดระยะเวลาในการจ่ายเงิน หรือได้เครดิตเทอมจากคู่ค้านานขึ้น
ทำให้มีเวลาในการนำเงินที่เก็บได้จากลูกค้า ไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจ ก่อนจะนำไปจ่ายคู่ค้า
ซึ่งข้อดีก็อย่างเช่น ทำให้ธุรกิจมีเวลาในการออกโปรโมชัน อย่างการลดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่ง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้
_______________________
_______________________
- ไพ่ใบที่ 5 : ธุรกิจในเครือต้องมีพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่ง หรือมีระบบนิเวศที่หลากหลาย
ยกตัวอย่างเช่น
- ธุรกิจห้างค้าปลีก ค้าส่ง ที่มีโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และอาหารต่าง ๆ อยู่ในเครือเดียวกัน ทำให้สินค้าที่วางจำหน่ายภายในห้างในเครือ สามารถขายได้ในราคาถูกกว่าที่อื่น และวางในตำแหน่งที่ดีที่สุดได้
- ธุรกิจห้างค้าปลีก ค้าส่ง ที่มีโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และอาหารต่าง ๆ อยู่ในเครือเดียวกัน ทำให้สินค้าที่วางจำหน่ายภายในห้างในเครือ สามารถขายได้ในราคาถูกกว่าที่อื่น และวางในตำแหน่งที่ดีที่สุดได้
- ธุรกิจศูนย์การค้า ที่มีร้านค้า หรือร้านอาหารในเครือเดียวกัน
โดยศูนย์การค้าสามารถช่วยในเรื่องค่าเช่าที่ที่ถูกลง ทำให้ร้านค้าหรือร้านอาหารในเครือสามารถขายสินค้าได้ถูกลง และเลือกทำเลที่เหมาะสมได้ก่อนใคร
โดยศูนย์การค้าสามารถช่วยในเรื่องค่าเช่าที่ที่ถูกลง ทำให้ร้านค้าหรือร้านอาหารในเครือสามารถขายสินค้าได้ถูกลง และเลือกทำเลที่เหมาะสมได้ก่อนใคร
- ธุรกิจ E-Commerce บางเจ้า ที่มีบริษัทขนส่งของตัวเอง
ทำให้บริษัทขนส่ง สามารถขนส่งพัสดุได้ทีละจำนวนมาก ๆ เพราะป้อนมาจากสินค้าที่คนสั่งบนแพลตฟอร์ม
ทำให้บริษัทขนส่ง สามารถขนส่งพัสดุได้ทีละจำนวนมาก ๆ เพราะป้อนมาจากสินค้าที่คนสั่งบนแพลตฟอร์ม
ทำให้สามารถบริหารต้นทุนในการขนส่งได้ถูกลง จนสามารถเก็บค่าจัดส่งได้ถูกกว่าเจ้าอื่น
_______________________
_______________________
- ไพ่ใบที่ 6 : สินค้าและบริการ ที่มีคุณภาพสุดยอด
หากคู่แข่ง 2 เจ้า ทำสงครามราคา จนมาอยู่ที่ราคาต่ำสุดที่จะสู้กันไหวแล้ว
สุดท้ายธุรกิจที่จะเอาชนะได้ คงไม่พ้นธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการที่สุดยอดที่สุด
ธุรกิจที่คุณภาพสินค้าและบริการสู้คนอื่นไม่ได้
ไม่ว่าจะลดราคาแค่ไหน
สุดท้ายแล้วลูกค้าก็จะหนีไปซื้อสินค้า ไปใช้บริการของคู่แข่งที่ทั้งถูกและดีกว่าอยู่ดี..
ไม่ว่าจะลดราคาแค่ไหน
สุดท้ายแล้วลูกค้าก็จะหนีไปซื้อสินค้า ไปใช้บริการของคู่แข่งที่ทั้งถูกและดีกว่าอยู่ดี..
Tag:สงครามราคา