สรุป 4 เรื่องสำคัญ นักการตลาด-คนทำแบรนด์ ต้องรู้ ในปี 2024 จากงาน Mindshare

สรุป 4 เรื่องสำคัญ นักการตลาด-คนทำแบรนด์ ต้องรู้ ในปี 2024 จากงาน Mindshare

31 ม.ค. 2024
วันนี้มีงาน Mindshare Outlook 2024 ที่จัดขึ้นโดยบริษัท มายด์แชร์ (ประเทศไทย) เอเยนซีเครือข่ายด้านการตลาดและการสื่อสาร ในเครือ กรุ๊ปเอ็ม 
โดยภายในงาน Mindshare ได้พูดถึงภาพรวมการลงทุนสื่อของประเทศไทยในปี 2023 
รวมถึงโอกาสและความท้าทายของแบรนด์ในการสื่อสารการตลาดในปี 2024 โดยคุณพิทักษ์ อินทรทูต กรรมการผู้จัดการ มายด์แชร์ (ประเทศไทย)
เนื้อหาในงานนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ ใน 4 ข้อ
1. มุมมองต่ออุตสาหกรรมสื่อ สำหรับปี 2024 
- Mindshare มีการคาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาจะเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบจากปี 2023 โดยคาดว่าจะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 115,581 ล้านบาท 
- สื่อที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีในปีนี้คือ สื่อออนไลน์และสื่อนอกบ้าน
- ปัจจัยที่มีผลต่อการโตของสื่อนอกบ้านคือ เรื่องของเทคโนโลยี หรือ Programmatic OOH และการกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านของผู้บริโภคที่มากขึ้น
2. เทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2024 ได้แก่ 
- การเติบโตของการค้นหาบนโซเชียลมีเดีย หรือ social media search โดยปีที่แล้ว Google รายงานว่า ประมาณ 40% ของกลุ่ม Gen-Z ใช้ TikTok และ Instagram ในการค้นหาข้อมูลที่สนใจ
และสิ่งสำคัญที่นักการตลาดควรโฟกัสมากขึ้น คือการใช้ keyword และข้อมูล ในการโพสต์เนื้อหาหรือคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงการแชร์คอนเทนต์ของแบรนด์ในหลากหลายช่องทางมากขึ้น
- Privacy Marketing ในยุคที่ PDPA เป็นเรื่องสำคัญ แบรนด์ต่าง ๆ จะต้องให้ลูกค้าเป็นคนควบคุมข้อมูลส่วนตัวของตัวเองได้มากขึ้น 
รวมถึงการใช้งาน AI จะเป็นเรื่องต้น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะอยู่ในเทรนด์ของปี 2024 ด้วย 
นอกจากนี้ ChatGPT-4, Bard และ Generative AI โมเดลอื่น ๆ จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหรือผู้ใช้เว็บไซต์เท่านั้น 
แต่ยังรวมถึงนักพัฒนา นักวิจัย และหน่วยงานกำกับดูแลการใช้ AI ด้วย 
ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือแบรนด์ต่าง ๆ จะต้องมีความรับผิดชอบและความรอบคอบในการใช้ AI มากขึ้น
- Sustainability and Purpose-Driven Marketing หรือ การทำการตลาดแบบยั่งยืนและการขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยเจตนารมณ์
เนื่องจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นประเด็นสำคัญในปี 2024 บวกกับผู้บริโภคมีการมองหาแบรนด์ที่ตรงกับจริตของตัวเองมากขึ้น 
ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มนำกลยุทธ์ Sustainability and Purpose-Driven Marketing ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาใช้งานมากขึ้น 
และแบรนด์ไหนที่สื่อสารถึงความยั่งยืนได้ดี จะสามารถดึงดูดและรักษาฐานของลูกค้าที่มีความภักดีและใส่ใจต่อสังคมได้
ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของสื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาตัวชี้วัดด้านความยั่งยืนใหม่ ๆ จะเป็นเทรนด์ที่สำคัญในปี 2024 
และเมื่อความต้องการสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับความยั่งยืนเติบโตขึ้น องค์กรด้านสื่อจะต้องค้นหาวิธีใหม่ ๆ ในการวัดประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนของตัวเองด้วย
3. นอกจากนี้มายด์แชร์ยังได้คาดการณ์ว่าผู้บริโภคจะให้ความสนใจกับ AI มากขึ้นกว่าเดิม โดยมายด์แชร์ได้เจาะลึกลงไปถึงพฤติกรรมผู้บริโภคและการใช้ AI ในชีวิตประจำวัน พบว่า
- ผู้บริโภคอยากมีชีวิตที่ฉลาดขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้น ทำให้อุปกรณ์ gadget ต่าง ๆ กลายเป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อมาตอบโจทย์การทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
- ผู้บริโภคไม่ได้อยากได้คำแนะนำจาก AI ตลอดเวลา แต่ยังอยากมีประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าที่ห้างหรือร้านค้าด้วยตัวเอง
- ผู้บริโภครู้สึกเบื่อกับตัวเลือกที่หลากหลาย และเหนื่อยกับการใช้งานเครื่องมือดิจิทัลหลายอย่างมากเกินไป และต้องการทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันง่ายขึ้นเพื่อสนุกกับสิ่งที่ชอบ 
ซึ่งจากผลสำรวจของ Mindshare พบว่า คนส่วนใหญ่กว่า 51% อยากให้งานที่เป็น Routine หรือสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำในทุกวันมี AI เข้ามาช่วยทำแทน เพื่อให้มีเวลาว่างมากขึ้น และ 46% กำลังมองหาเทคโนโลยีดิจิทัลและวิธีแก้ปัญหา ที่เข้ามาช่วยปรับปรุงการตัดสินใจของพวกเขา
- ผู้บริโภคคิดว่า Personalisation หรือการตลาดเฉพาะบุคคลเป็นเรื่องที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ยังอยากได้ประสบการณ์ที่เซอร์ไพรส์ด้วย
ซึ่งจากผลสำรวจของ Mindshare พบว่า 57% ของผู้บริโภค ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเองโดยเฉพาะ และอย่างได้ประสบการณ์การช็อปปิ้งเฉพาะบุคคลที่ร้านค้าเป็นพิเศษด้วย เช่น ลูกค้า A ต้องการซื้อเครื่องสำอางที่ทำขึ้นมาด้วยตัวเองโดยเฉพาะ พร้อมกับต้องการให้มีพนักงานขายที่อยู่หน้าร้านให้บริการตัวเองเป็นพิเศษด้วย
และ 41% ของผู้บริโภค พร้อมที่จะแชร์ข้อมูลส่วนตัวของตัวเองกับแบรนด์มากขึ้น เพื่อให้ตัวเองเจอสิ่งที่ตัวเองสนใจหรือต้องการจริง ๆ ได้ง่ายและสะดวกขึ้น
- ผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขารู้สึกพิเศษมากขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจของ Mindshare พบว่า 
52% ของผู้บริโภค ชอบซื้อของออนไลน์ที่สามารถส่งมาจากที่เดียวหรือแบรนด์เดียวได้
50% ของผู้บริโภค ชอบซื้อสินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือ Niche Brand เพราะให้ความรู้สึกที่พิเศษมากกว่าซื้อจากแบรนด์อิสระหรือเฉพาะกลุ่ม/ร้านค้าปลีก ให้ความรู้สึกพิเศษมากกว่าการซื้อจากร้านค้าปลีกขนาดใหญ่
หรือ แบรนด์ Mass ที่มีอยู่ทั่วไป
และ 63% ของผู้บริโภค บอกว่าปัจจุบันมีบริการสตรีมมิงให้เลือกมากเกินไป
- ผู้บริโภครู้สึกว่า เครื่องมือหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ มีผลต่อการควบคุมชีวิต นิสัย และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของพวกเขา ซึ่งจากผลสำรวจของ Mindshare พบว่า 
54% ของผู้บริโภค เชื่อว่าเทคโนโลยีที่ฉลาด จะคร่าชีวิตของพวกเขา
50% ของผู้บริโภค เชื่อว่าการใช้ชีวิตจะลำบากขึ้น ถ้าหากไม่มี AI 
- ผู้บริโภคยังอยากมีประสบการณ์เฉพาะตัวที่พิเศษ ซึ่งจากผลสำรวจของ Mindshare พบว่า 
72% ของผู้บริโภค ยังต้องการประสบการณ์การช็อปปิ้งที่หน้าร้าน
69% ของผู้บริโภค ชอบให้แอดมินที่เป็นคนจริง ๆ ตอบแชทมากกว่าการใช้ Chatbot หรือระบบตอบคำถามอัตโนมัติ เพื่อตอบโต้กับลูกค้า 
4. มายด์แชร์มีความเห็นต่อแบรนด์ต่าง ๆ ในการสร้างประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ให้กับผู้บริโภคดังนี้
- แบรนด์ที่พึ่งพาการตอบกลับแบบอัตโนมัติมากเกินไป และไม่เปิดโอกาสให้มีการโต้ตอบของมนุษย์ ลูกค้าอาจรู้สึกขาดการเชื่อมต่อจากแบรนด์ และรู้สึกไม่ได้รับการเอาใจใส่จากแบรนด์มากพอ
- แบรนด์จำเป็นต้องค้นหาสมดุลที่เหมาะสมโดยการบูรณาการระหว่างประสิทธิภาพและความเป็นส่วนตัวเข้ากับการตอบโต้จากพนักงานขายด้วย เพื่อเชื่อมโยงทางอารมณ์ของผู้บริโภคให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
- เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมการตัดสินใจเกี่ยวกับประสบการณ์อัตโนมัติของตัวเอง โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่ายังมีอำนาจในการตัดสินใจอยู่
- เป้าหมายคือการสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ สร้างความไว้วางใจ และปรับกลยุทธ์และการตลาดให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการสร้างประสบการณ์รอบด้านที่นอกเหนือไปจากการโต้ตอบแบบอัตโนมัติ
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลภาพรวมการลงทุนสื่อของประเทศไทยในปี 2023 และความท้าทายของแบรนด์ในการสื่อสารการตลาดในปี 2024 จาก Mindshare 
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.