สรุป 5 เทรนด์การตลาด 2024 จากงาน One Day Wonder จัดโดย ไปรษณีย์ไทย

วันนี้มีงาน “One Day Wonder วันมหัศจรรย์ ปั้นธุรกิจออนไลน์ ให้ดังเปรี้ยง !” จัดโดยไปรษณีย์ไทย

ซึ่งหนึ่งใน Session ที่น่าสนใจคือ เทรนด์การตลาดในปี 2024 โดยคุณทิป-มัณฑิตา จินดา เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก Digital Tips Academy 

แล้วเทรนด์การตลาดในปี 2024 ในมุมมองของคุณทิป-มัณฑิตา มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?

BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ 

1. เทรนด์วิดีโอสั้น ยังมีอยู่และไปต่อ 

โดยเฉพาะวิดีโอสั้นทั้งจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Instagram หรือ Facebook

แล้วคนดูวิดีโอสั้นแบบไหนกัน ? จากผลสำรวจนั้น พบว่า 

- 73% ของผู้บริโภค ชอบดูคลิปวิดีโอสั้น เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้า 

- 50% ของผู้ใช้ TikTok นั้นบอกว่า คลิปที่มีความยาว 1 นาที นั้นเครียดเกินไป 

- 57% ของยอดชมบนยูทูบมีความยาวไม่เกิน 1 นาที 

ดังนั้นผู้ประกอบการคนไหน ที่ยังลังเลว่าจะทำคอนเทนต์วิดีโอสั้นให้กับแบรนด์ของตัวเองดีไหม 

ก็อาจจะต้องลองปรับตัว เพราะเทรนด์ของวิดีโอสั้นนี้ยังมีอยู่และมีต่อ  

2. AI จะมีบทบาทมากขึ้นอีก

เห็นได้ว่าหลาย ๆ แบรนด์ในตอนนี้ จะเริ่มนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเสริมการขายของตัวเองมากขึ้น 

ตัวอย่างเช่น IKEA ที่ทำแอปพลิเคชัน The place App ใช้สำหรับถ่ายรูปห้องในบ้านของเรา แล้วใช้ AI เพื่อช่วยเลือกเฟอร์นิเจอร์ในแค็ตตาล็อกของ IKEA มาลองวางดูว่าเข้ากับบ้านของเราไหมได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปถึงร้านออฟไลน์ 

รวมถึงเทคโนโลยี AR และ VR ต่าง ๆ อย่างที่ L’Oreal สร้างโปรแกรม Virtual try on ให้ลูกค้าสามารถลองสีลิปผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เลย 

AI พวกนี้ ช่วยให้ลูกค้าได้ลองของ และช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อได้

3. Data ยังสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเก็บเร็วยิ่งดี

เริ่มตั้งแต่ Small Data หรือข้อมูลชุดเล็ก ๆ ก็ได้ เพราะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น ช่วยให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น 

ตัวอย่างการนำ Data ไปวิเคราะห์ เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา มองว่ายอดขายผ้าอ้อมเด็กกำลังลดลง 

ซึ่งปกติผู้ประกอบการส่วนใหญ่ น่าจะจัดโปรโมชันลดราคาตามปกติ 

แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการรายนี้สังเกตได้คือ คนชอบซื้อผ้าอ้อมกับเบียร์พร้อม ๆ กัน 

หลังจากนั้นจึงลองเอาทีมไปสังเกต ก็พบว่า คนที่มาซื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 

โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ผู้ชายส่วนใหญ่ จะถูกภรรยาใช้มาซื้อผ้าอ้อมของลูก 

ซึ่งทางซูเปอร์มาร์เก็ตนี้เอาข้อมูลมาวิเคราะห์ และลงความเห็นว่า เวลาที่พวกเขามาเดินซื้อของ พวกเขาก็มักอยากจะให้รางวัลตัวเอง ด้วยการซื้อเบียร์.. 

เมื่อได้ข้อมูลแบบนี้ ทางซูเปอร์มาเก็ตก็ทำเซต Bundle ขายเบียร์คู่กับผ้าอ้อม ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดีจริง ๆ

4. อินฟลูเอนเซอร์จะมีบทบาทต่อไป รวมถึงเม็ดเงินที่กระจายมา ก็จะมากขึ้นด้วย 

สมัยนี้คนเชื่อแบรนด์น้อยลง แต่เชื่อคนที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ หรือบริการมากกว่า 

โดยจากผลสำรวจพบว่า คนเชื่อคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์มากถึง 61% 

เทียบกับคอนเทนต์ที่แบรนด์ทำออกมาเองที่ 38% 

ทั้งนี้สำหรับผู้ประกอบการนั้น การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ ไม่จำเป็นต้องเลือกคนที่มีผู้ติดตามเยอะ ๆ ติดอันดับประเทศ หรือเป็นแบรนด์ใหญ่ ๆ เสมอไป 

เพราะอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดผู้ติดตามระดับหลักหมื่น หรือหลักพันคน (Nano, Micro Influencer) ก็สามารถกระตุ้นยอดการซื้อ ได้ดีไม่แพ้กัน 

โดยการเลือกตัวอินฟลูเอนเซอร์ ที่จะมานำเสนอสินค้าหรือบริการของเรานั้น ก็ต้องเลือกคนที่มีอะไรคล้าย ๆ กับแบรนด์ของเราเองด้วย 

เช่น ถ้าเราอยากขายสินค้ารักษ์โลก ก็ควรเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ตัวตนของเขารักษ์โลกจริง ๆ ด้วย 

5. Gen-Z มีบทบาทในการซื้อมากขึ้น 

ตอนนี้หลาย ๆ แบรนด์ จะมุ่งเจาะไปที่ตลาด Gen-Z มากขึ้น เพราะจากอินไซต์นั้นพบว่า ถึงแม้ในหนึ่งครอบครัวจะมีกันหลากหลายกลุ่มอายุ 

แต่จากสถิติพบว่า ปัจจุบันคนในครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่ เวลาซื้ออะไรก็จะเลือกถามลูก โดยเฉพาะพวกสินค้าไอทีต่าง ๆ 

ดังนั้นการทำการตลาดเจาะ Gen-Z นั้น ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องติดตาม 

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทรนด์ของ การตลาดในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง ในอีกไม่ถึงเดือนข้างหน้านี้แล้ว..