Chick-fil-A ฟาสต์ฟูดที่ขายดีกว่า Burger King และ KFC ในสหรัฐฯ

Chick-fil-A ฟาสต์ฟูดที่ขายดีกว่า Burger King และ KFC ในสหรัฐฯ

17 ต.ค. 2022
Chick-fil-A ฟาสต์ฟูดที่ขายดีกว่า Burger King และ KFC ในสหรัฐฯ | BrandCase
รู้หรือไม่ Chick-fil-A คือเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูด ที่ขายดีกว่า Burger King และ KFC ในสหรัฐฯ
และขายดีเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา เป็นรองเพียงแค่ McDonald's เท่านั้น
ที่น่าสนใจคือ Chick-fil-A ยังหยุดทุกวันอาทิตย์ แตกต่างจากเชนฟาสต์ฟูดรายอื่น ที่ขายทุกวัน
เรื่องราวของร้าน Chick-fil-A น่าสนใจอย่างไร ?
BrandCase จะสรุปให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
Chick-fil-A เป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูด ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1946 หรือเมื่อ 76 ปีที่แล้ว โดยคุณ Samuel Truett Cathy
โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจร้านอาหารทั่วไป ชื่อว่า Dwarf Grill
แต่เมนูแซนด์วิชไก่ทอดไม่มีกระดูกที่เขาคิดค้นขึ้นมา ได้รับความนิยมมาก ทำให้ในปี 1967 เขาจึงตัดสินใจรีแบรนด์ร้านใหม่ โดยใช้ชื่อร้านว่า “Chick-fil-A”
ซึ่ง Chick-fil-A มาจากคำว่า Chicken Fillet ที่มีความหมายว่า เนื้อไก่ และ A ที่หมายถึง ระดับคุณภาพสูงสุด
และเน้นขายอาหารจานด่วน ที่มีแซนด์วิชไก่ทอดเป็นเมนูหลัก
ปัจจุบัน Chick-fil-A มีหน้าร้านอยู่ราว ๆ 2,600 สาขา และส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา
ซึ่งยังถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับเจ้าใหญ่ในตลาดอย่าง McDonald’s ที่มีมากถึง หลักหมื่นสาขาในสหรัฐอเมริกา
Chick-fil-A ยังมีจำนวนวันที่เปิดให้บริการ น้อยกว่าเจ้าอื่น ๆ โดยทางร้านหยุดให้บริการในวันอาทิตย์
ปี 2021 ยอดขายในสหรัฐอเมริกา ของ Chick-fil-A อยู่ที่ 6.3 แสนล้านบาท
ซึ่งถ้าลองเปรียบเทียบกับยอดขายของเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูดชื่อดัง ในตลาดสหรัฐอเมริกา ปี 2021
ร้าน McDonald’s 1.7 ล้านล้านบาท
ร้าน Taco Bell 4.8 แสนล้านบาท
ร้าน Wendy's 4.2 แสนล้านบาท
ร้าน Burger King 3.8 แสนล้านบาท
ร้าน Subway 3.5 แสนล้านบาท
ร้าน KFC 1.9 แสนล้านบาท
จะเห็นได้ว่า Chick-fil-A กลายเป็นร้านอาหารจานด่วน ที่มียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา
ทั้ง ๆ ที่มีจำนวนสาขา และวันเปิดที่ให้บริการ น้อยกว่าเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูดรายอื่น ๆ
แล้วอะไรคือสิ่งที่ช่วยให้ร้าน Chick-fil-A ประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ ?
-คุณภาพของอาหาร
Chick-fil-A จะเน้นขายเมนูแซนด์วิชไก่ทอดเป็นหลัก
ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาคุณภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ดีกว่าคู่แข่ง ที่หลายเจ้าอาจจะมีเมนูอาหารหลากหลายกว่า
และที่ผ่านมา Chick-fil-A ยังพยายามแก้ไขจุดอ่อนของอาหารฟาสต์ฟูด ที่ถูกมองว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
โดยได้วิจัยและค้นคว้า เพื่อลดปริมาณไขมันทรานส์ลง
นอกจากนั้น ยังมีการเลือกใช้ไก่ จากฟาร์มเลี้ยงที่ปราศจากสารกระตุ้น หรือยาปฏิชีวนะทั้งหมด และเน้นเสิร์ฟอาหารที่สดใหม่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้กับลูกค้า
อีกทั้งยังแสดงปริมาณแคลอรี ข้อมูลโภชนาการ และสารก่อภูมิแพ้บนเมนู เพื่อให้ลูกค้าทราบก่อนที่จะสั่งอาหารด้วย
-คุณภาพของการบริการ
จากผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ต่อแบรนด์ร้านอาหารฟาสต์ฟูด
ปรากฏว่า Chick-fil-A ได้คะแนนอันดับ 1 มาต่อเนื่องถึง 8 ปี
นอกจากนี้ผลสำรวจจาก QSR ยังพบว่า Chick-fil-A เป็นแบรนด์ที่มีจำนวนรถเฉลี่ยในแถวให้บริการแบบ Drive-Thru มากที่สุด แต่ยังคงให้บริการเร็วเป็นอันดับ 1 มาต่อเนื่องถึง 3 ปีแล้ว
โดยร้านมีชื่อเสียงโด่งดัง ในเรื่องการบริการด้วยความสุภาพและความรวดเร็ว
เนื่องจาก บริษัทมีเกณฑ์คัดเลือก ผู้ขอรับสิทธิ์แฟรนไชส์ที่ค่อนข้างเข้มงวด
โดยผ่านการสัมภาษณ์อย่างละเอียด ในการหาคนที่สามารถเป็นทั้งผู้นำ และนักพัฒนาทีมที่เก่งที่สุด
และต้องผ่านการฝึกอบรมอย่างหนัก เพื่อให้ได้คนที่ต้องการดูแลธุรกิจจริง ๆ ไม่ใช่แค่ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน
-ราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าเจ้าอื่น และคุ้มค่า
นอกจากเรื่องความรวดเร็วและความสะดวก ที่ทำให้คนหันมาทานอาหารฟาสต์ฟูดแล้ว
อีกหนึ่งเรื่องที่ช่วยดึงดูดลูกค้าได้ก็คือ ราคาที่ถูกและคุ้มค่า
ซึ่งถ้าลองเทียบราคาเมนูเดียวกัน อย่าง แซนด์วิชไก่ จะพบว่า Chick-fil-A ขายในราคาที่ต่ำกว่าเจ้าอื่น ๆ
แซนด์วิชไก่ ของ Chick-fil-A 1 ชิ้น ราคาเริ่มต้นประมาณ 116 บาท
แซนด์วิชไก่ ของ McDonald’s 1 ชิ้น ราคาเริ่มต้นประมาณ 163 บาท
แซนด์วิชไก่ ของ Burger King 1 ชิ้น ราคาเริ่มต้นประมาณ 170 บาท
แซนด์วิชไก่ ของ Wendy's 1 ชิ้น ราคาเริ่มต้นประมาณ 178 บาท
สรุปสั้น ๆ ก็คือ คุณภาพอาหารดี การบริการสุภาพและรวดเร็ว รวมถึงราคาที่คุ้มค่ากว่าคู่แข่ง
ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ Chick-fil-A กลายเป็นเชนร้านอาหารฟาสต์ฟูดยอดนิยมของคนอเมริกัน จนมียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
สูตรแซนด์วิชไก่ทอดของ Chick-fil-A ที่คุณ Samuel Truett Cathy ผู้ก่อตั้งเป็นคนคิดค้น ถูกเก็บเป็นความลับไว้ในห้องนิรภัย ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย
และยังคงเป็นสูตรที่ Chick-fil-A ใช้อยู่ในปัจจุบัน..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.