สรุปเรื่องราว OMEGA นาฬิกาแห่งดวงจันทร์ และสายลับ

สรุปเรื่องราว OMEGA นาฬิกาแห่งดวงจันทร์ และสายลับ

9 พ.ค. 2022
สรุปเรื่องราว OMEGA นาฬิกาแห่งดวงจันทร์ และสายลับ | BrandCase
ถ้าหากพูดถึงแบรนด์นาฬิกาหรูจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
หนึ่งชื่อที่จะต้องพูดถึงคือ “OMEGA”
แบรนด์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความแม่นยำของเวลา
ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 170 ปี
และนาฬิกาแบรนด์นี้ ยังเป็นผู้รับบทบาทสำคัญ
ตั้งแต่ในงานมหกรรมกีฬา Olympic Games ไปจนถึงภารกิจเยือนดวงจันทร์
แล้วเรื่องราวที่น่าสนใจของ OMEGA เป็นอย่างไร ?
ย้อนกลับไปในปี 1848
ณ เมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า La Chaux-de-Fonds ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Louis Brandt ชายหนุ่มวัย 23 ปี ผู้หลงใหลในการสร้างนาฬิกา ได้เปิดร้านผลิตนาฬิกาเล็ก ๆ ขึ้น ณ เมืองแห่งนี้
ด้วยความมุ่งมั่น ทำให้เขาสามารถสร้างนาฬิกาที่บอกเวลาได้อย่างแม่นยำ และไม่นานชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังไปทั่วสวิตเซอร์แลนด์และทั่วยุโรป
หลังจาก Louis Brandt จากโลกนี้ไปในปี 1879 ลูกชายสองคน คือ Louis-Paul และ Cesar Brandt ก็เข้ามาดูแลกิจการต่อ
ในปี 1894 ทั้งคู่ได้เผยโฉมนาฬิกาที่มีความแม่นยำของเวลาสูง ใช้ระบบการตั้งเวลาด้วยการหมุนแกนด้านข้างตัวนาฬิกา ที่ถูกเรียกว่า “Stem and Crown”
ซึ่งแกนหมุนลักษณะนี้ ได้กลายมาเป็นรากฐานของการตั้งเวลามาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งคู่ตั้งชื่อความสำเร็จครั้งนี้ว่า “OMEGA” ที่มีความหมายโดยนัยว่า “ความสำเร็จสูงสุด”
ทำให้ชื่อ OMEGA ถูกใช้เป็นชื่อแบรนด์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชื่อเสียงในเรื่องความแม่นยำของการนับเวลาได้รับการยอมรับในหลายวงการ
เช่น OMEGA ได้รับหน้าที่เป็น “Timekeeper” หรือผู้รักษาเวลา ให้กับมหกรรมกีฬา Olympic Games ตั้งแต่ปี 1932 ซึ่ง OMEGA ก็ยังคงทำหน้าที่นี้ มาจนถึงปัจจุบัน
โดยตัวอย่างนาฬิกาสองซีรีส์ที่สร้างเรื่องราวอันโดดเด่นให้กับ OMEGA คือ “Speedmaster”
และ “Seamaster”
ในปี 1965 OMEGA Speedmaster เป็นนาฬิการุ่นเดียว ที่ผ่านการรับรองให้ร่วมงานกับ NASA เป็นเวลามากกว่า 50 ปี
โดยมีภารกิจสำคัญ เช่น ภารกิจเยือนดวงจันทร์ครั้งแรกของ Apollo 11 ในปี 1969
จึงเป็นที่มาให้ซีรีส์ Speedmaster ของ OMEGA ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Moonwatch”
ส่วนอีกซีรีส์ที่น่าสนใจ ก็คือ Seamaster
โดย Seamaster ถูกทำขึ้นในปี 1948 เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปีของแบรนด์
โดยมีความพิเศษคือ เป็นนาฬิกาที่สามารถใส่ดำน้ำลึกตั้งแต่ 300 ถึง 1,200 เมตร
มีกลไกการบอกเวลาที่ล้ำสมัย และตัวเรือนที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ทำให้นาฬิการุ่นนี้ กลายเป็นที่หมายปองของเหล่านักดำน้ำและผู้ที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ
ที่สำคัญคือ Seamaster ยังได้รับการรับรองจากกองทัพเรือแห่งสหราชอาณาจักร ให้เป็นนาฬิกาสำหรับนาวิกโยธินอย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ในภารกิจต่าง ๆ ด้วย
เรื่องนี้เอง ที่ทำให้ผู้ที่ดูแลคอสตูมของภาพยนตร์เรื่อง “เจมส์ บอนด์”
มองว่า OMEGA Seamaster มีคุณสมบัติ และมีเรื่องราวความเป็นมาที่เหมาะจะเป็นนาฬิกาคู่กายของตัวละคร เจมส์ บอนด์ ซึ่งก่อนที่จะผันตัวมาเป็นสายลับของหน่วยข่าวกรอง อดีตก็เคยเป็นราชนาวีมาก่อน
ก็เลยทำให้ Seamaster กลายมาเป็น
นาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของ เจมส์ บอนด์ มาตั้งแต่ภาค GoldenEye ในปี 1995 มาจนถึง No Time to Die ภาคล่าสุดของ เจมส์ บอนด์ นั่นเอง
References
-https://www.omegawatches.com/chronicle/1895-the-first-publicity-with-the-omega-brand-and-symbol
-https://www.omegawatches.com/planet-omega/cinema/no-time-to-die
-https://www.omegawatches.com/watches/speedmaster/moonwatch-professional/product
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.