แบรนด์แรกของโลก ที่ผลิตน้ำผสมวุ้นมะพร้าว คือใคร ?

แบรนด์แรกของโลก ที่ผลิตน้ำผสมวุ้นมะพร้าว คือใคร ?

4 พ.ค. 2022
แบรนด์แรกของโลก ที่ผลิตน้ำผสมวุ้นมะพร้าว คือใคร ? | BrandCase
หลายคนคงจะได้เคยทานน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวกันมาบ้าง
และรู้หรือไม่ว่า ผู้ที่ผลิตน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์แรกของโลก คือแบรนด์ “โมกุ โมกุ” ซึ่งผลิตโดยบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE
โมกุ โมกุ ยังดังไกลไปถึงต่างประเทศ
และที่น่าสนใจก็คือ ยังสามารถบุกตลาดเกาหลีใต้ ประเทศที่มีคู่แข่งน้ำดื่มทางเลือก ที่เป็นเจ้าตลาดสุดแข็งแกร่งอยู่มากมาย อย่างเช่น LOTTE
แล้วเซ็ปเป้ใช้กลยุทธ์อะไร ที่ทำให้แบรนด์ โมกุ โมกุ แบรนด์ของไทย ไปตีตลาดต่างประเทศได้ ?
BrandCase จะสรุปให้ฟัง..
1. วางตัวเองให้ชัดว่าเป็น “Snack Drink”
กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ เซ็ปเป้ ประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ คือ จุดเด่นของสินค้าที่มีความชัดเจน ในการเป็น Snack Drink หรือก็คือเครื่องดื่มรองท้อง
และจะมีการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และการตั้งราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
โดยเซ็ปเป้ ให้ความสำคัญ ตั้งแต่กระบวนการนำเข้าวัตถุดิบ ไปจนถึงการผลิตออกมาเป็นสินค้าสำเร็จรูป (Value Chain)
เรื่องนี้ก็ทำให้มีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจมากมาย มองเห็นความเป็นมืออาชีพ และอยากทำงานร่วมกับเซ็ปเป้
จนสามารถเรียกว่าเป็นบริษัท “เนื้อหอม” เลยก็ว่าได้
2. บุกตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป
กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของเซ็ปเป้ กลับไม่ได้มองหา Local Partners เจ้าใหญ่ ๆ ตั้งแต่แรก
แต่จะมองหาพาร์ตเนอร์รายเล็กที่ “มีใจ” และอยากจับมือไปด้วยกันจริง ๆ และพร้อมจะช่วยกันขยายตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป
เริ่มจากห้างเล็ก ๆ และกลุ่มลูกค้ากลุ่มเล็ก ๆ ให้สินค้าติดตลาดก่อน ก่อนที่จะเจาะตลาดเข้าไปในห้างขนาดใหญ่ เพื่อเน้นการทำการตลาด ณ จุดขายเป็นหลัก
ซึ่งกลยุทธ์ที่ว่านี้ต้องใช้ทั้งเวลา และใช้ใจ ในการมองหาพาร์ตเนอร์ตัวจริงให้เจอ
และก็ต้องบอกว่า ในวันนี้เซ็ปเป้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เกาหลีใต้ คือตลาดที่เซ็ปเป้ทำได้ดีและประสบความสำเร็จมากที่สุด
แล้วถามว่า กลยุทธ์นี้ได้ผลดีแค่ไหน ?
ก็ต้องบอกว่าวันนี้ เซ็ปเป้ สามารถครอบคลุมตลาดโมเดิร์นเทรดในเกาหลีใต้ได้ถึง 70% และยังมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำผลไม้ ในช่องทางร้านสะดวกซื้อ (CVS)
ยิ่งไปกว่านั้น ความสำเร็จของเซ็ปเป้ในเกาหลีใต้ ได้เตะตาบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง LOTTE
โดย LOTTE ได้เข้ามาติดต่อขอเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับแบรนด์ โมกุ โมกุ เพื่อนำไปทำแบรนด์ไอศกรีม ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาด้วย
3. บุกตลาดเกาหลีใต้ ด้วยการทำแบรนด์ให้เข้ากับวัฒนธรรมของเกาหลีใต้
เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่เซ็ปเป้เข้าไปทำตลาดมาอย่างยาวนาน และล้มลุกคลุกคลานมามาก แต่เซ็ปเป้ก็ไม่ยอมถอยจากตลาดนี้ โดยพยายามเรียนรู้และทำความเข้าใจตลาด จนเข้าใจวัฒนธรรมการกินของคนเกาหลีใต้ว่า พวกเขาชอบขนมและเครื่องดื่ม ที่มีความแปลกใหม่
และกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนเกาหลีใต้ ก็จะมีความชื่นชอบในแครักเตอร์ตัวการ์ตูน ทำให้มาสกอต ของแบรนด์ โมกุ โมกุ ที่เซ็ปเป้ใช้เป็นตัวชูโรง ก็สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคคนเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี
และเมื่อสินค้าเริ่มติดตลาด บวกกับการทำตลาดแบบ O2O หรือที่เรียกว่า การทำตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน สินค้าก็ยิ่งได้รับความนิยมและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
ซึ่งถึงแม้ว่าวันนี้แบรนด์ โมกุ โมกุ จะไม่มีวางจำหน่ายในไทยแล้ว
แต่ก็นับว่าเป็นแบรนด์บุกเบิกของเซ็ปเป้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแบรนด์แรกที่ปูทางให้เกิดแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ ในเวลาต่อมา
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ทำให้แบรนด์ โมกุ โมกุ ลุยตลาดต่างประเทศได้ก็คือ
1. วางตัวเองให้ชัดว่า เรามีจุดเด่นอะไรให้ลูกค้านึกถึง
2. ค่อย ๆ เรียนรู้ ลงมือทำอย่างช้า ๆ แต่ต้องทำกับพาร์ตเนอร์ที่ถูกต้อง
3. ก่อนจะทำแบรนด์ให้ใคร ก็จะต้องรู้จักคนคนนั้น และทำความเข้าใจพวกเขาให้ได้อย่างแท้จริง..
Reference:
- ข้อมูลจากบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.