
กาแฟ “อเมริกาโน” ที่หลายคนชื่นชอบ มีที่มาอย่างไร ?
1 เม.ย. 2022
กาแฟ “อเมริกาโน” ที่หลายคนชื่นชอบ มีที่มาอย่างไร ? - BrandCase
อเมริกาโน เป็นรสชาติกาแฟที่เกิดขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่างเอสเปรสโซกับน้ำร้อน เพื่อให้กาแฟมีรสชาติขม และมีความเข้มข้นที่น้อยกว่าการดื่มเอสเปรสโซเป็นช็อต
ซึ่งถ้าจะให้เล่าถึงต้นกำเนิดของ อเมริกาโน เราคงต้องย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ระหว่างปี ค.ศ. 1939 ถึง 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เกิดขึ้น
ผู้คนในยุคนั้นต่างต้องเผชิญกับความตึงเครียดอย่างมาก จากภาวะสงคราม โดยเฉพาะในหมู่ทหารที่ถูกส่งไปยังสนามรบ
และถ้าหากพูดถึงสินค้าโภคภัณฑ์ชั้นดี ที่ช่วยบรรเทาความเครียด และสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้เหล่าทหาร คงหนีไม่พ้น “กาแฟ”
ด้วยความเข้มข้นของรสชาติ ผสมผสานกับกาเฟอีนที่มาจากเมล็ดกาแฟ
ทำให้เหล่าทหารรู้สึกผ่อนคลาย และมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น
กาแฟจึงได้กลายมาเป็นสินค้าที่มีความสำคัญต่อกองทัพ อยู่ไม่น้อย
ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกันจำนวนมาก ถูกส่งไปช่วยรบ ในสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิตาลี ซึ่งประเทศเหล่านี้มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่แตกต่างจากชาวอเมริกัน
ต้องบอกว่า ชาวอเมริกันชื่นชอบกาแฟแบบดริป หรือการใช้น้ำร้อนเทผ่านผงกาแฟคั่วบดบนตัวกรอง เพื่อสกัดรสชาติต่าง ๆ ออกมาจากกาแฟ
แต่ในทางกลับกัน ประเทศในทวีปยุโรปโดยเฉพาะอิตาลี จะชื่นชอบการดื่มกาแฟเอสเปรสโซมากกว่า
เพราะไม่เพียงแต่จะมีต้นกำเนิดมาจากที่นี่ แต่รสชาติกาแฟยังมีความเข้มข้นที่เป็นเอกลักษณ์ อีกด้วย
พอเป็นแบบนี้ ทหารอเมริกันที่ได้ลิ้มรสชาติเอสเปรสโซในอิตาลี ก็เกิดความรู้สึกว่ากาแฟรสชาตินี้ มีรสชาติที่เข้มข้นเกินไป พวกเขาเลยหาวิธีแก้ขัดโดยการเติม “น้ำร้อน” เข้าไปในเอสเปรสโซช็อต
เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติคล้าย ๆ กับกาแฟดริป ที่เคยดื่มที่บ้านเกิด
จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลง..
เหล่าทหารอเมริกันที่ถูกส่งไปรบในทวีปยุโรป ก็ได้ทยอยเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา
ไปพร้อม ๆ กับสูตรกาแฟที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่ ที่มีชื่อว่า “อเมริกาโน” นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
อเมริกาโนแตกต่างจาก “กาแฟดำ” ที่ไม่ว่ากาแฟดำจะนำไปกลั่น หรือดริป น้ำที่ออกมาจะเป็นน้ำจากกาแฟล้วน ๆ แตกต่างจากอเมริกาโน ตรงที่ต้องผสมน้ำร้อนเข้าไป เพื่อให้เจือจางความเข้มข้น นั่นเอง..
References:
-https://americanolounge.com/the-history-of-the-americano
-https://www.nationalww2museum.org/war/articles/american-soldiers-arrive-united-kingdom-194
-https://www.gricosrestaurant.com/italian-roots/origin-of-espresso
-https://www.nescafe.com/th/th-th/coffee-types/what-is-americano
-https://beanshere.com/posts/how-to-drip-coffee/
อเมริกาโน เป็นรสชาติกาแฟที่เกิดขึ้นมาจากการผสมผสานระหว่างเอสเปรสโซกับน้ำร้อน เพื่อให้กาแฟมีรสชาติขม และมีความเข้มข้นที่น้อยกว่าการดื่มเอสเปรสโซเป็นช็อต
ซึ่งถ้าจะให้เล่าถึงต้นกำเนิดของ อเมริกาโน เราคงต้องย้อนกลับไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ระหว่างปี ค.ศ. 1939 ถึง 1945 สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เกิดขึ้น
ผู้คนในยุคนั้นต่างต้องเผชิญกับความตึงเครียดอย่างมาก จากภาวะสงคราม โดยเฉพาะในหมู่ทหารที่ถูกส่งไปยังสนามรบ
และถ้าหากพูดถึงสินค้าโภคภัณฑ์ชั้นดี ที่ช่วยบรรเทาความเครียด และสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้เหล่าทหาร คงหนีไม่พ้น “กาแฟ”
ด้วยความเข้มข้นของรสชาติ ผสมผสานกับกาเฟอีนที่มาจากเมล็ดกาแฟ
ทำให้เหล่าทหารรู้สึกผ่อนคลาย และมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น
กาแฟจึงได้กลายมาเป็นสินค้าที่มีความสำคัญต่อกองทัพ อยู่ไม่น้อย
ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกันจำนวนมาก ถูกส่งไปช่วยรบ ในสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิตาลี ซึ่งประเทศเหล่านี้มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่แตกต่างจากชาวอเมริกัน
ต้องบอกว่า ชาวอเมริกันชื่นชอบกาแฟแบบดริป หรือการใช้น้ำร้อนเทผ่านผงกาแฟคั่วบดบนตัวกรอง เพื่อสกัดรสชาติต่าง ๆ ออกมาจากกาแฟ
แต่ในทางกลับกัน ประเทศในทวีปยุโรปโดยเฉพาะอิตาลี จะชื่นชอบการดื่มกาแฟเอสเปรสโซมากกว่า
เพราะไม่เพียงแต่จะมีต้นกำเนิดมาจากที่นี่ แต่รสชาติกาแฟยังมีความเข้มข้นที่เป็นเอกลักษณ์ อีกด้วย
พอเป็นแบบนี้ ทหารอเมริกันที่ได้ลิ้มรสชาติเอสเปรสโซในอิตาลี ก็เกิดความรู้สึกว่ากาแฟรสชาตินี้ มีรสชาติที่เข้มข้นเกินไป พวกเขาเลยหาวิธีแก้ขัดโดยการเติม “น้ำร้อน” เข้าไปในเอสเปรสโซช็อต
เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติคล้าย ๆ กับกาแฟดริป ที่เคยดื่มที่บ้านเกิด
จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลง..
เหล่าทหารอเมริกันที่ถูกส่งไปรบในทวีปยุโรป ก็ได้ทยอยเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา
ไปพร้อม ๆ กับสูตรกาแฟที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่ ที่มีชื่อว่า “อเมริกาโน” นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
อเมริกาโนแตกต่างจาก “กาแฟดำ” ที่ไม่ว่ากาแฟดำจะนำไปกลั่น หรือดริป น้ำที่ออกมาจะเป็นน้ำจากกาแฟล้วน ๆ แตกต่างจากอเมริกาโน ตรงที่ต้องผสมน้ำร้อนเข้าไป เพื่อให้เจือจางความเข้มข้น นั่นเอง..
References:
-https://americanolounge.com/the-history-of-the-americano
-https://www.nationalww2museum.org/war/articles/american-soldiers-arrive-united-kingdom-194
-https://www.gricosrestaurant.com/italian-roots/origin-of-espresso
-https://www.nescafe.com/th/th-th/coffee-types/what-is-americano
-https://beanshere.com/posts/how-to-drip-coffee/