
ทำไม เทียนหอมดี ๆ ถึงมีราคาสูง ?
26 มี.ค. 2022
ทำไม เทียนหอมดี ๆ ถึงมีราคาสูง ? | BrandCase
หลายคนที่เป็นแฟนพันธ์ุแท้ของเทียนหอม คงจะเคยผ่านประสบการณ์เลือกใช้เทียนหอม ในหลากหลายราคา หลายเกรดกันมาบ้างแล้ว
และคงสังเกตเห็นว่า เทียนหอมที่คุณภาพดี มักมีราคาสูงมาก
แล้วเทียนหอมต่างจากเทียนปกติอย่างไร ?
อะไรทำให้ราคาของมันพุ่งสูง
สูงจนบางแบรนด์ ที่บางรุ่นขายกันในราคาหลักหลายพันบาท อย่างเทียนหอมจากแบรนด์ Diptyque หรือ Jo Malone
- อย่างแรกคือเรื่อง “วัสดุที่ใช้”
หลายคนอาจจะคิดว่า เทียนหอมนั้นทำมาจากไขเทียนจากสัตว์
แต่เทียนหอมแบรนด์ดัง ๆ ในปัจจุบันนั้น นิยมใช้ไขเทียนที่ทำมาจากถั่วเหลือง หรือ Soy Wax มาใช้ในการผลิต
ซึ่งราคาของ Soy Wax ก็ค่อนข้างสูงกว่าไขเทียนทั่วไป
เนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
โดยข้อดีของไขถั่วเหลืองคือ ความเป็นมิตรต่อคนและสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากเป็นไขเทียนที่มาจากพืช และควันของเทียนหอมที่ทำมาจากไขถั่วเหลืองนั้น จะมีสีขาวและมีควันน้อย ทำให้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายเวลาสูดดมเข้าไปเท่ากับไขเทียนแบบทั่ว ๆ ไป
นอกจากนี้ กลิ่นของไขถั่วเหลืองยังมีความเฉพาะตัว มีลักษณะคล้ายกับกลิ่นนม สูดดมแล้วไม่วิงเวียนศีรษะ ทำให้ไม่ต้องปรุงแต่งกลิ่นมาก ก่อนนำมาทำเทียนหอม
- อย่างต่อมาคือเรื่อง “กลิ่น”
แน่นอนว่า กลิ่นหอม ที่เราได้จากน้ำหอมทั่วไปนั้น ก็มีราคาที่หลากหลาย
และกลิ่นที่อยู่ในเทียนหอมก็เช่นกัน
ยิ่งกลิ่นนั้นมีความพิเศษ มีความซับซ้อน ราคาของเทียนหอมก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปด้วย
เพราะกลิ่นที่อยู่ในเทียนหอมนั้นจะต้องถูกผสมกับน้ำมันสกัด หรือ Essential Oil
ซึ่งตัวของน้ำมันสกัดนี้เองก็มีต้นทุนที่สูง เนื่องจากผลิตมาจากพืช ซึ่งต้องใช้วัตถุดิบในปริมาณมากกว่าจะสกัดออกมาได้ในแต่ละหยด
- อีกเรื่องสำคัญคือ “มูลค่าเพิ่ม” ของแบรนด์
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญของแบรนด์ ซึ่งการสร้างมูลค่าเพิ่มของแต่ละแบรนด์ก็มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่เรื่องการ “ตั้งชื่อกลิ่น” ให้ดูน่าหลงใหล น่าค้นหา
เช่น แบรนด์ Jo Malone ที่ตั้งชื่อกลิ่นว่า “Peony & Blush Suede Travel” ให้ดูน่าหลงใหล น่าค้นหา สื่อถึงเสน่ห์ พีโอนี ดอกไม้ที่เปี่ยมไปด้วยค่านิยมที่งดงาม ผสานกลิ่นหอมจากดอกมะลิที่บานจากต้น ดอกกุหลาบ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใส่เทียนหอมคุณภาพดีให้ดูพรีเมียม
โดยวัสดุที่หลายแบรนด์นิยมใช้นั้น มักจะทำมาจากแก้ว ซึ่งมันไม่ใช่แค่เพียงในเรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่การใช้ขวดโหลแก้วนั้น ยังทำให้เทียนไขเผาไหม้ได้ดี และนานขึ้น
สรุปคือ ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุ ไขเทียน ไส้เทียน ไปจนถึงโหลเทียน จนทำให้เทียนหอมมีคุณภาพกลิ่นที่ดี ช่วยเรื่องการผ่อนคลายความเครียดได้จริง
และที่สำคัญคือ การสร้างมูลค่าเพิ่มของแบรนด์
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ราคาของเทียนหอมคุณภาพดี ๆ
ขายในราคาหลัก หลายพันบาท ได้นั่นเอง..
References
-https://www.smellthescent.com/candle/why-are-candles-expensive/
-https://wigglywisdom.com/why-are-candles-so-expensive/
-https://melmagazine.com/en-us/story/why-are-candles-so-expensive-worth-it-better
-https://vogue.co.th/beauty/soy-wax-candle
-https://www.blockdit.com/posts/6013e5b451c42d13381f5065
หลายคนที่เป็นแฟนพันธ์ุแท้ของเทียนหอม คงจะเคยผ่านประสบการณ์เลือกใช้เทียนหอม ในหลากหลายราคา หลายเกรดกันมาบ้างแล้ว
และคงสังเกตเห็นว่า เทียนหอมที่คุณภาพดี มักมีราคาสูงมาก
แล้วเทียนหอมต่างจากเทียนปกติอย่างไร ?
อะไรทำให้ราคาของมันพุ่งสูง
สูงจนบางแบรนด์ ที่บางรุ่นขายกันในราคาหลักหลายพันบาท อย่างเทียนหอมจากแบรนด์ Diptyque หรือ Jo Malone
- อย่างแรกคือเรื่อง “วัสดุที่ใช้”
หลายคนอาจจะคิดว่า เทียนหอมนั้นทำมาจากไขเทียนจากสัตว์
แต่เทียนหอมแบรนด์ดัง ๆ ในปัจจุบันนั้น นิยมใช้ไขเทียนที่ทำมาจากถั่วเหลือง หรือ Soy Wax มาใช้ในการผลิต
ซึ่งราคาของ Soy Wax ก็ค่อนข้างสูงกว่าไขเทียนทั่วไป
เนื่องจากมีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อน
โดยข้อดีของไขถั่วเหลืองคือ ความเป็นมิตรต่อคนและสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากเป็นไขเทียนที่มาจากพืช และควันของเทียนหอมที่ทำมาจากไขถั่วเหลืองนั้น จะมีสีขาวและมีควันน้อย ทำให้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายเวลาสูดดมเข้าไปเท่ากับไขเทียนแบบทั่ว ๆ ไป
นอกจากนี้ กลิ่นของไขถั่วเหลืองยังมีความเฉพาะตัว มีลักษณะคล้ายกับกลิ่นนม สูดดมแล้วไม่วิงเวียนศีรษะ ทำให้ไม่ต้องปรุงแต่งกลิ่นมาก ก่อนนำมาทำเทียนหอม
- อย่างต่อมาคือเรื่อง “กลิ่น”
แน่นอนว่า กลิ่นหอม ที่เราได้จากน้ำหอมทั่วไปนั้น ก็มีราคาที่หลากหลาย
และกลิ่นที่อยู่ในเทียนหอมก็เช่นกัน
ยิ่งกลิ่นนั้นมีความพิเศษ มีความซับซ้อน ราคาของเทียนหอมก็จะยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปด้วย
เพราะกลิ่นที่อยู่ในเทียนหอมนั้นจะต้องถูกผสมกับน้ำมันสกัด หรือ Essential Oil
ซึ่งตัวของน้ำมันสกัดนี้เองก็มีต้นทุนที่สูง เนื่องจากผลิตมาจากพืช ซึ่งต้องใช้วัตถุดิบในปริมาณมากกว่าจะสกัดออกมาได้ในแต่ละหยด
- อีกเรื่องสำคัญคือ “มูลค่าเพิ่ม” ของแบรนด์
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญของแบรนด์ ซึ่งการสร้างมูลค่าเพิ่มของแต่ละแบรนด์ก็มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่เรื่องการ “ตั้งชื่อกลิ่น” ให้ดูน่าหลงใหล น่าค้นหา
เช่น แบรนด์ Jo Malone ที่ตั้งชื่อกลิ่นว่า “Peony & Blush Suede Travel” ให้ดูน่าหลงใหล น่าค้นหา สื่อถึงเสน่ห์ พีโอนี ดอกไม้ที่เปี่ยมไปด้วยค่านิยมที่งดงาม ผสานกลิ่นหอมจากดอกมะลิที่บานจากต้น ดอกกุหลาบ
นอกจากนั้นยังมีเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ใส่เทียนหอมคุณภาพดีให้ดูพรีเมียม
โดยวัสดุที่หลายแบรนด์นิยมใช้นั้น มักจะทำมาจากแก้ว ซึ่งมันไม่ใช่แค่เพียงในเรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่การใช้ขวดโหลแก้วนั้น ยังทำให้เทียนไขเผาไหม้ได้ดี และนานขึ้น
สรุปคือ ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุ ไขเทียน ไส้เทียน ไปจนถึงโหลเทียน จนทำให้เทียนหอมมีคุณภาพกลิ่นที่ดี ช่วยเรื่องการผ่อนคลายความเครียดได้จริง
และที่สำคัญคือ การสร้างมูลค่าเพิ่มของแบรนด์
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ราคาของเทียนหอมคุณภาพดี ๆ
ขายในราคาหลัก หลายพันบาท ได้นั่นเอง..
References
-https://www.smellthescent.com/candle/why-are-candles-expensive/
-https://wigglywisdom.com/why-are-candles-so-expensive/
-https://melmagazine.com/en-us/story/why-are-candles-so-expensive-worth-it-better
-https://vogue.co.th/beauty/soy-wax-candle
-https://www.blockdit.com/posts/6013e5b451c42d13381f5065