กรณีศึกษา หยกสด ขายขนมไทยปีเดียว ได้เงิน 80 ล้าน

กรณีศึกษา หยกสด ขายขนมไทยปีเดียว ได้เงิน 80 ล้าน

22 ส.ค. 2023
กรณีศึกษา หยกสด ขายขนมไทยปีเดียว ได้เงิน 80 ล้าน | BrandCase
ถ้าเพื่อนเราบอกว่า เปิดร้านขายขนมไทย เราจะคิดว่าเพื่อนคนนี้ขายได้ปีละกี่บาท ?
เราอาจจะคิดว่า 5 ล้านบาท หรือ 10 ล้านบาท แค่นี้ก็เยอะมากแล้ว
แต่ถ้าเพื่อนเราคนนี้บอกว่า แบรนด์ขนมไทยของเขา ชื่อว่า “หยกสด”
รู้ไหมว่าเพื่อนเราคนนี้ ขายขนมไทยปีที่แล้วปีเดียว ได้เงิน 80 ล้านบาท..
แล้วเรื่องราวของหยกสดน่าสนอย่างไร ?
BrandCase สรุปให้ แบบเข้าใจง่าย ๆ
ทุกอย่างเริ่มต้นจากคุณจ๊าก-มหศักย์ สุรกิจบวร
โดยในขณะที่คุณจ๊ากกำลังบวชอยู่ มีโอกาสได้ลองกินขนมเปียกปูนกะทิ ที่ญาติโยมได้นำมาถวาย แล้วรู้สึกรสชาติค่อนข้างแปลกและอร่อย
ด้วยลักษณะและรสชาติที่ไม่เหมือนขนมเปียกปูนทั่วไป คือมีลักษณะเป็นเนื้อเด้ง ๆ กินคู่กับเนื้อมะพร้าวขูด
ทำให้คุณจ๊ากรู้สึกประทับใจในรสชาติเป็นอย่างมาก
หลังจากสึกออกมา คุณจ๊ากก็พยายามตามหาขนมเปียกปูนที่มีรสชาตินี้มากิน แต่ก็หาไม่เจอ หรือรสชาติไม่เหมือนที่เคยกิน
กลายเป็นไอเดียให้คุณจ๊ากตัดสินใจลองหาวิธีทำขึ้นเอง ให้ได้รสชาติแบบที่ชอบ
หลังจากลองทำก็ใช้เวลาปรับสูตรอยู่ 3 ถึง 4 ครั้ง ก็ได้รสชาติที่เหมือนกับที่เคยกิน
และคุณจ๊ากได้นำสูตรขนมที่ทำขึ้นเองไปให้เพื่อนและคุณแม่ชิม
พอเพื่อนคุณจ๊ากได้ชิม ก็สงสัยว่านี่ขนมอะไร ทำไมมีรสชาติอร่อย และแสดงความสนใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นโอกาสว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน มีความสนใจขนมไทยดั้งเดิมขนาดนี้
คุณจ๊ากก็เลยตัดสินใจ เปิดพรีออร์เดอร์ขนมเปียกปูนกะทิ จำนวน 100 กล่อง โดยในช่วงแรก ยังขายให้คนรอบข้าง และในแพลตฟอร์มออนไลน์
แต่ยอดขายไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ เพราะไม่มีคนสนใจเท่าไร คุณจ๊ากเลยนำขนมจำนวน 100 กล่อง ไปเปิดบูทเล็ก ๆ ขายในห้างสรรพสินค้า
ปรากฏว่า ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ขนมเปียกปูนกะทิสด 100 กล่อง ขายหมดภายใน 1 วัน
คุณจ๊ากเลยมีความคิดที่จะขยายแบรนด์ขนมไทยเพิ่มขึ้น โดยจะวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าที่มีขนาดใหญ่
และเพิ่มเมนูมากขึ้น จากที่มีแค่ขนมเปียกปูนใบเตยกะทิสด ก็เริ่มมีเปียกปูนส้ม เปียกปูนสตรอว์เบอร์รี เพิ่มเข้ามา
หลังจากวางขายไปได้เพียง 1 เดือน รสชาติอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามากลับขายไม่ได้ เพราะมันแปลกเกินไป
คุณจ๊ากเลยเปลี่ยนแนวคิด จากเพิ่มเมนูมากขึ้น เป็นเน้นเพียงรสชาติเดียวคือ ใบเตย
โดยตั้งคอนเซปต์ว่า “ขนมไทยใบเตย” และเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาขนม ให้เป็นเอกลักษณ์แทน
จากนั้นจึงตั้งชื่อแบรนด์ “หยกสด” ขึ้นมา เพื่อให้เข้ากับสีเขียวของใบเตยที่เป็นวัตถุดิบหลัก และให้สื่อถึงความเขียวของอัญมณีที่มีค่า และเติมคำว่า สด เพิ่มเข้ามา เพื่อให้น่ากินมากขึ้น
หลังจากนั้น คุณจ๊าก ก็คิดเมนูใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น แต่ยังคงคอนเซปต์ความเขียวของใบเตยไว้
เช่น บุหลันมรกต อินทนิล ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูขึ้นชื่อของแบรนด์เป็นอย่างมาก
ทางด้านการตลาด ในช่วงแรกคุณจ๊ากจะส่งให้ อินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามเยอะ ๆ ชิมและให้ช่วยรีวิวขนม จนกลายเป็นกระแสในโลกโซเชียลมีเดียไปเลย
ปัจจุบัน หยกสด มีเมนูให้เลือกกว่า 14 เมนู และมีสาขาทั้งหมด 23 สาขา ทั่วประเทศ
และผลประกอบการของหยกสด 3 ปีล่าสุด
ปี 2563 รายได้ 25 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 44 ล้านบาท กำไร 7 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 86 ล้านบาท กำไร 14 ล้านบาท
ด้วยจุดเด่นของลักษณะขนม ที่เป็นเอกลักษณ์และมีกลิ่นกะทิที่หอมอบควันเทียน
แถมมีรสชาติที่หวานถูกใจ ส่งผลให้ หยกสด เข้าไปครองใจเหล่าสาวกขนมไทยหลาย ๆ คน
ขนมไทย หยกสด แค่ปีที่แล้วปีเดียว ก็ทำรายได้มากถึง 86 ล้านบาท ..
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.