ทำไม “การตลาดส่วนบุคคล” ทำให้แบรนด์ เป็นที่พูดถึงได้
21 พ.ค. 2022
ทำไม “การตลาดส่วนบุคคล” ทำให้แบรนด์ เป็นที่พูดถึงได้ | BrandCase
หากถามว่าอะไรที่จะทำให้เราอยากซื้ออะไรสักอย่าง หรือสนใจแบรนด์ไหนสักแบรนด์
หนึ่งในนั้นคงเป็นการได้เห็น สินค้าหรือบริการ ที่ทำมาเพื่อเราโดยเฉพาะ
นั่นจึงทำให้ Personalized Marketing หรือ “การตลาดส่วนบุคคล” ถูกหยิบมาใช้กัน
เพื่อให้เห็นภาพว่า การตลาดส่วนบุคคล ทำให้แบรนด์เป็นที่พูดถึงได้อย่างไร ?
เรามาดูแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่ทำ Personalized Marketing แล้วประสบความสำเร็จอย่างน่าสนใจ
- แบรนด์แรกคือ “Spotify”
Spotify อาจจะไม่ได้เป็นสินค้าที่จับต้องได้เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ
แต่พวกเขาก็ได้ทำสิ่งที่พิเศษสำหรับลูกค้าแต่ละคน และถือเป็นแคมเปญการตลาด ที่ประสบความสำเร็จอีกแคมเปญหนึ่ง
นั่นก็คือแคมเปญ Spotify’s End-Of-Year Wrapped Report หรือการทำสรุป ว่าในปีที่ผ่านมา เราฟังเพลงอะไร หรือฟังศิลปินคนไหนมากที่สุด
อย่างเช่น เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้ ต่างพากันแชร์ Wrapped Report ของตัวเอง ลงบนโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นการโปรโมตแบรนด์ไปด้วยในตัว
- อีกเคสที่น่าสนใจ คือ “Coca-Cola”
Coca-Cola เคยออกแคมเปญที่มีชื่อว่า Share a Coke with หรือ “ส่งโค้กให้..”
ที่มีการพิมพ์ชื่อคนลงไปที่ข้างกระป๋องหรือขวดโค้ก
ที่น่าสนใจคือ แม้แคมเปญนี้จะไม่ได้ออกแบบมา เพื่อให้ทุกคนเลือกได้เป๊ะ ๆ ว่า จะพิมพ์ชื่อตัวเองหรือเขียนอะไรลงไปข้างขวดหรือกระป๋องโค้ก
แต่ใช้กิมมิกการพิมพ์ชื่อ ที่มีคนใช้ซ้ำกันเยอะ ๆ เช่น Tom, John, เฟิร์น, กอล์ฟ
ซึ่งก็เรียกว่าเป็นการ Personalized แบบอ้อม ๆ ได้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวแคมเปญนี้ไปในช่วงแรก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
หลายคนต่างพากันตามหาโค้กกระป๋องที่พิมพ์ชื่อของตนเอง
โดยหลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2014
ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ จนแฮชแทก #shareacoke นั้น กลายเป็นเทรนด์อันดับ 1 บนโลกโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ทางโค้กยังได้รายงานว่า หลังจากเปิดตัวแคมเปญนี้ไป ก็ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเพิ่มขึ้น 2% และมีการบริโภคโค้กเพิ่มขึ้น จาก 1,700 ล้านเสิร์ฟต่อวัน กลายเป็น 1,900 ล้านเสิร์ฟต่อวัน
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นตัวอย่างของการทำสิ่งที่เรียกว่า Personalized Marketing ที่น่าสนใจ
ซึ่งมันก็มีส่วนช่วยดึงให้คนหันมาสนใจสินค้าและบริการ
จนทำให้แบรนด์ เป็นที่พูดถึงมากขึ้นได้..
References
-https://www.forbes.com/sites/forbescommunicationscouncil/2021/02/12/10-great-examples-of-personalized-marketing-strategies/?sh=487a74872dc9
-https://mayecreate.com/blog/3-marketing-lessons-from-the-share-a-coke-campaign/
-https://www.everydaymarketing.co/knowledge/personalized-marketing-101-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/
หากถามว่าอะไรที่จะทำให้เราอยากซื้ออะไรสักอย่าง หรือสนใจแบรนด์ไหนสักแบรนด์
หนึ่งในนั้นคงเป็นการได้เห็น สินค้าหรือบริการ ที่ทำมาเพื่อเราโดยเฉพาะ
นั่นจึงทำให้ Personalized Marketing หรือ “การตลาดส่วนบุคคล” ถูกหยิบมาใช้กัน
เพื่อให้เห็นภาพว่า การตลาดส่วนบุคคล ทำให้แบรนด์เป็นที่พูดถึงได้อย่างไร ?
เรามาดูแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่ทำ Personalized Marketing แล้วประสบความสำเร็จอย่างน่าสนใจ
- แบรนด์แรกคือ “Spotify”
Spotify อาจจะไม่ได้เป็นสินค้าที่จับต้องได้เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ
แต่พวกเขาก็ได้ทำสิ่งที่พิเศษสำหรับลูกค้าแต่ละคน และถือเป็นแคมเปญการตลาด ที่ประสบความสำเร็จอีกแคมเปญหนึ่ง
นั่นก็คือแคมเปญ Spotify’s End-Of-Year Wrapped Report หรือการทำสรุป ว่าในปีที่ผ่านมา เราฟังเพลงอะไร หรือฟังศิลปินคนไหนมากที่สุด
อย่างเช่น เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นผู้ใช้งานแอปพลิเคชันนี้ ต่างพากันแชร์ Wrapped Report ของตัวเอง ลงบนโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นการโปรโมตแบรนด์ไปด้วยในตัว
- อีกเคสที่น่าสนใจ คือ “Coca-Cola”
Coca-Cola เคยออกแคมเปญที่มีชื่อว่า Share a Coke with หรือ “ส่งโค้กให้..”
ที่มีการพิมพ์ชื่อคนลงไปที่ข้างกระป๋องหรือขวดโค้ก
ที่น่าสนใจคือ แม้แคมเปญนี้จะไม่ได้ออกแบบมา เพื่อให้ทุกคนเลือกได้เป๊ะ ๆ ว่า จะพิมพ์ชื่อตัวเองหรือเขียนอะไรลงไปข้างขวดหรือกระป๋องโค้ก
แต่ใช้กิมมิกการพิมพ์ชื่อ ที่มีคนใช้ซ้ำกันเยอะ ๆ เช่น Tom, John, เฟิร์น, กอล์ฟ
ซึ่งก็เรียกว่าเป็นการ Personalized แบบอ้อม ๆ ได้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวแคมเปญนี้ไปในช่วงแรก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
หลายคนต่างพากันตามหาโค้กกระป๋องที่พิมพ์ชื่อของตนเอง
โดยหลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2014
ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ จนแฮชแทก #shareacoke นั้น กลายเป็นเทรนด์อันดับ 1 บนโลกโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ทางโค้กยังได้รายงานว่า หลังจากเปิดตัวแคมเปญนี้ไป ก็ทำให้ยอดขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเพิ่มขึ้น 2% และมีการบริโภคโค้กเพิ่มขึ้น จาก 1,700 ล้านเสิร์ฟต่อวัน กลายเป็น 1,900 ล้านเสิร์ฟต่อวัน
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นตัวอย่างของการทำสิ่งที่เรียกว่า Personalized Marketing ที่น่าสนใจ
ซึ่งมันก็มีส่วนช่วยดึงให้คนหันมาสนใจสินค้าและบริการ
จนทำให้แบรนด์ เป็นที่พูดถึงมากขึ้นได้..
References
-https://www.forbes.com/sites/forbescommunicationscouncil/2021/02/12/10-great-examples-of-personalized-marketing-strategies/?sh=487a74872dc9
-https://mayecreate.com/blog/3-marketing-lessons-from-the-share-a-coke-campaign/
-https://www.everydaymarketing.co/knowledge/personalized-marketing-101-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3/